คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ อมร พวงงาม
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งในสมรภูมิพรีเมี่ยมคาร์
ระหว่างค่ายดาวสามแฉก เมอร์เซเดส-เบนซ์ และค่ายใบพัดสีฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
โดยเฉพาะในแง่มุม การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อให้ผู้คนได้รับรู้
ผมว่า ยังคงจะต้องยืดเยื้อไปอีกยาวนาน
เพราะแต่ละค่ายต่างมีมุมมองของตัวเอง
เรียกว่า จะเป็น “เบนซ์” พูด หรือ “บีเอ็มฯ” พูด ว่าตัวเองเป็นแชมป์…คงไม่มีใครถูกผิด
ย้อนหลังไปเมื่อตอนต้นปี
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยประกาศชัยชนะปี 2563 เหนือเมอร์เซเดส-เบนซ์
ด้วยตัวเลขยอดขาย 11,242 คัน (ไม่รวมรถยนต์มินิ) ครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถยนต์พรีเมี่ยมสูงถึง 51.2% ในตลาดบ้านเรา
ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำได้แค่ 10,613 คัน
เห็นตัวเลขแบบนี้ ชัดเจนว่า เบนซ์ “แพ้”
แต่การนำเสนอข้อมูลของผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ใช่
เขามองภาพรวมทั้งหมด โดยระบุว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงสามารถรักษาผู้นำในตลาดโลกด้วยยอดขาย 2,528,349 คัน
และที่ปลาบปลื้มรถยนต์ในกลุ่มไฮบริดทำตัวเลขได้มากถึง 115,000 คัน โตเป็น 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
และในเอเชีย-แปซิฟิก เมอร์เซเดส-เบนซ์มียอดขายทะลุ 1,024,315 คันขยายตัว 4.7%
โดยมีตลาดจีนเป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อน ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 11.7% หรือขายได้ 774,382 คัน ซึ่งถือว่าเป็นสถิติใหม่
ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มียอดขายทั่วโลกแค่ 2.3 ล้านคัน
ยังไม่จบครับ ข้ามสู่ปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยูรายงานผ่านสื่อว่า สามารถกอดแชมป์ผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมไทยต่อเนื่อง
ทุบสถิติผลงานไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โชว์ตัวเลขยอดส่งมอบ 2,533 คัน (ไม่รวมมินิ)
โตขึ้น 41% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า แถมด้วยมีอัตราการเติบโตอีกหลายเซ็กเมนต์ด้วย
เช่น รถสมรรถนะสูงตระกูล M โตถึง 220% รถยนต์บีเอ็มฯมือสองก็โตอีก 44%
ส่วนในระดับโลก รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์รอยซ์ทั่วโลกมียอดส่งมอบรวม 636,606 คัน โตขึ้น 33.5%
ในขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดส่งมอบในประเทศไทยไตรมาสแรกแค่ 2,470 คัน
แต่ในมุมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มองตรงกันข้ามอีก
โดยรายงานว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยครองแชมป์ตลาดรถยนต์หรูในไตรมาสแรกด้วยจำนวนรถยนต์จดทะเบียนรวม 3,178 คัน
ยอดขายเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในจีนทำสถิติ 222,520 คัน สูงสุดของสถิติไตรมาสแรก โตถึง 60.1%
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ครองส่วนแบ่งในตลาดโลก 10% และในยุโรปกว่า 25%
และมียอดขายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั่วโลกสูงถึง 590,999 คัน โตกว่า 20%
คนอ่านข่าวอาจจะงง ๆ หน่อย ตกลงใครชนะกันแน่ ?
เอาเป็นว่า ทั้งสองค่ายถ้าเปรียบเป็นมวย อัตราต่อรองสูสีมาก
เพราะไม่ว่าจะเป็นกระดูก รูปมวย หรือการออกอาวุธ ถือว่าใกล้เคียงกันเลย
ศักยภาพการส่งนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่ต่างกัน ครอบคลุมทั้งระบบไฮบริด ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และอีวี
รวมถึงกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงอย่างตระกูล M ซึ่งวันนี้มีประกอบในประเทศไม่ต่างจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี
เพราะฉะนั้น ถ้าจะเห็นกันจะจะ ชนะคะแนนไม่พอแล้ว ต้องน็อกอย่างเดียว
แต่ระยะหลังบีเอ็มดับเบิลยู เชิงมวย และทักษะการชก พลิ้วกว่านิด ๆ
ยิ่งช่วงหลังนี้ สไตล์การไล่ถลุงคู่แข่งต้อนเข้ามุมโดยใช้ดีลเลอร์หมัดหนักหลาย ๆ เจ้า
ทำให้มวยคู่นี้ดูสนุกขึ้น ที่สำคัญ ห้ามกะพริบตาเด็ดขาด
เพราะใครเผลอ การ์ดตก อาจถูกส่งลงไปกองพื้นเวทีเอาง่าย ๆ