คอลัมน์ สามัญสำนึก สมถวิล ลีลาสุวัฒน์
นาทีนี้คนไทยต่างหายใจเข้า-ออก เป็น “วัคซีน”
นอกจากความสะพรึงกลัว “โควิด-19” ขึ้นสมองแล้ว คนไทยยังกลัวผลข้างเคียงจากวัคซีนด้วย
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- กองทุนประกันวินาศภัยถังแตก แจ้งชะลอจ่ายคืนหนี้ตั้งแต่ มี.ค. 2567
- เรือชนสะพานถล่มในสหรัฐ กระทบเศรษฐกิจ การขนส่งสินค้าเป็นอัมพาต
กลัวกันถึงขั้น “ต่อต้าน” ในใจอย่างไม่รู้ตัว
ส่งผลให้ความดันโลหิตพุ่งปรี๊ด ๆ ผิดปกติ ในช่วงวันเวลาที่ “รู้นัด-รับนัด” วัคซีนอย่างเป็นทางการ
สาเหตุหลักมาจากการเสพข่าวแบบไม่คัดกรอง หลงเชื่อเฟกนิวส์ หรือข่าวปลอม-ข่าวปล่อย ที่เป็นแหล่งต้นตอตอกย้ำให้คนยิ่งกลัว และเข้าใจแบบผิด ๆ
เหมือนก่อนวันหวยออกจะเห็นข่าวโฆษณาชวนเชื่อ เรื่อง “วัคซีน” ก็เช่นกัน คนฟังเยอะก็เหมือนรู้เยอะ ทำให้คนไทยยิ่งปักใจเชื่อ ฉีดแล้ว “ไม่ดี” ฉีดแล้ว “ไม่สบาย”
ไม่สบายเพราะ “วัคซีนไม่ดี” หรือ “สุขภาพไม่ดี” ประเด็นนี้กำลังถกเถียงและพิสูจน์กันอยู่ทั้งในทำเนียบ จนถึงตลาดสด
แต่อีกสาเหตุต้องยอมรับว่า มาจากการบริหารจัดการที่เละตุ้มเป๊ะ แม้รัฐบาลจะประกาศทิศทาง เป้าหมายอย่างชัดเจน
“คนไทยจะได้รับวัดซีนอย่างทั่วถึง หรือ 70% ของภูมิคุ้มกันหมู่ จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ 65 ล้านคน”
เอาเข้าจริง ในรายละเอียดแต่ละขั้นตอน หรือฟังก์ชั่นการทำงาน กลับเป๋ไปเป๋มา สร้างความสันสนและวุ่นวายมาก
อย่าว่าแต่ประชาชนคนธรรมดาเลย แม้แต่สื่อรุ่นเก๋าและซีอีโอรุ่นแรก ยังก่งก๊ง จับประเด็นไม่ถูก ทำนอง “อิหยังวะ”
กลายเป็นการตอกหมุด ลดทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มากยิ่งขึ้น ทั้งเพิ่มความกลัวให้แก่ประชาชน คนเลยไม่เชื่อมั่นใน “วัคซีนตัวเลือก” ที่รัฐบาลจัดให้
จนมาถึงวันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564 รัฐบาลคิกออฟระดมฉีดวัคซีนตัวเลือกอย่างเป็นทางการ ในสถานที่ที่รัฐและเอกชนจัดเตรียมให้
ถือเป็นภาพบรรยากาศที่ดีมาก เห็นแล้วมีความสุข ที่คนไทยได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อชาติอย่างพร้อมเพรียง และเต็มใจ
โดยเฉพาะที่ “สถานีกลางบางซื่อ” หัวลำโพง 2 ของไทย อภิมหาโปรเจ็กต์ของประเทศที่รัฐตั้งเป้าจะให้บริการผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายเชื่อมต่อ
ที่ต้อง new normal แปรพื้นที่ เพื่อสุขอนามัยของคนไทยก่อนเป็นลำดับแรก
และภาพการแบ่งปันพื้นที่ของภาคเอกชนหลาย ๆ แห่ง ดูแล้วชื่นใจ เป็นความสามัคคีและเปิดใจช่วยกัน เพื่อคนไทยและประเทศไทย
จากสถิติที่ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของรัฐบาล และศูนย์ EOC กระทรวงสาธารณสุข รายงานทุกวันนั้น ปรากฏว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไม่ลดลงเลย แตะอยู่ระดับพันสองพันนานเกิน และมีผู้เสียชีวิตเร็วขึ้น มากขึ้น
เท่ากับเชื้อโรคมีความรุนแรง กลายพันธุ์ หรือการ์ดตกไปแล้ว จะชูการ์ดใหม่ให้สูงขึ้นก็ไม่ทันแล้ว เชื้อระบาดไปไกลและทั่วตรอก ซอกซอย หลายชุมชน
กลายเป็นภาระของหน่วยงานรัฐ และรัฐบาลที่ต้องจัดการ รักษา และเก็บสถิติกันต่อไป
วันนี้เริ่มมีคำถามตามมาว่า ณ เวลานี้ คนไทยเริ่มเปลี่ยนใจ อยากฉีดวัคซีนกันทุกคนแล้ว เพราะกลัวตาย เพราะโควิดมาประชิดตัวรอบบ้าน จะทำอย่างไรดี
เมื่อรัฐเคยประกาศนำเข้าวัคซีนตัวเลือก 100 ล้านโดส เป็นของ AstraZeneca 61 ล้านโดส ล่าสุดเดือน ก.พ. 2564 ใช้หมดแล้ว 117,400 โดส เดือน มิ.ย.จะเข้ามาอีก 6 ล้านโดส คาดว่าเบื้องต้นจะได้ 2 ล้านโดส
อีกยี่ห้อ “ซิโนแวค” 6 ล้านโดส ใช้ไปแล้ว 4 ล้านโดส เหลืออีก 2 ล้านโดส และกำลังรอส่งมาในเดือน มิ.ย. อีก 3 ล้านโดส
สรุปคนไทยต้องรอวัคซีนตัวเลือกไปอีกระยะ
สำหรับวัคซีนทางเลือก ข่าวว่า ไฟเซอร์ จะเข้าไทย 20 ล้านโดส แต่ก็ไม่รู้จะเมื่อไหร่
“ซิโนฟาร์ม” อีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่รู้จำนวนที่แน่ชัด รู้เพียงราคาคร่าว ๆ และหน่วยงานนำเข้าที่ผ่านการรับรอง
“โมเดอร์นา-จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” มีข่าวว่าจะเข้ามาแล้ว แต่ไม่รู้จำนวน และเมื่อไหร่
สรุปคนไทยต้องรอวัคซีนทางเลือกไปอีกระยะเช่นกัน
จะรอนาน หรือรอแป๊บก็ต้องรอ นาทีนี้ไม่มีอะไรจะสู้โควิดได้ นอกจากต้องฉีดวัคซีนกันทุกคน
แต่วัคซีนที่ดี คือ วัคซีนที่มี เข้าใจ๋