นับถอยหลังเปิดประเทศ 120 วัน

บทบรรณาธิการ

การปลดล็อกผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ เพื่อเปิดประเทศเดือนตุลาคม 2564 หรือ 120 วัน นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม ตามไทม์ไลน์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประกาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อ 16 มิถุนายน ได้รับเสียงตอบรับจากภาคธุรกิจล้นหลาม

เพราะผ่านไปปีครึ่งตั้งแต่โควิดแพร่ระบาดเข้ามาประเทศไทยช่วงต้นปี 2563 ก่อนระบาดซ้ำระลอก 2 ระลอก 3 นอกจากสถานการณ์จะทวีความรุนแรง มีผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นแล้ว ผลกระทบด้านเศรษฐกิจยังเกิดขึ้นในวงกว้าง ภาคธุรกิจ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เสียหายหนักกว่าเก่า ถึงตอนนี้ความเสี่ยง และความไม่แน่นอนอยู่ที่การระบาดรอบ 4 รอบ 5 จะมีตามมาอีกหรือไม่

แต่เมื่อนายกฯ ตัดสินใจให้ทุกภาคส่วนร่วมยอมรับความเสี่ยง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อ ด้วยการเปิดรับนักท่องเที่ยว นักเดินทางต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามจำนวน โดยนำร่องที่ จ.ภูเก็ต ภายใต้โมเดล “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” 1 กรกฎาคม แล้วขยายสู่พื้นที่อื่น ก่อนเปิดประเทศรับต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวเต็มรูปแบบเดือนตุลาคมนี้ เท่ากับมีทิศทางชัดเจน

เป็นการปรับโหมดพลิกโมเดลกู้วิกฤตซ้อนวิกฤต ด้วยการวางเดิมพันหมดหน้าตัก เพราะไม่สามารถรอเวลาเปิดประเทศจนกว่าจะฉีดวัคซีนได้ครบ 2 โดส แบบถ้วนหน้าแต่ให้ทุกคนเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิดให้ได้เหมือนโรคภัยอื่น ๆ ขณะที่รัฐจะควบคุมป้องกันโควิดให้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

อย่างไรก็ตาม ไทม์ไลน์เปิดประเทศต้องอยู่ภายใต้ 2 เงื่อนไขหลักระยะสั้นเฉพาะหน้า ประชาชนต้องได้รับการฉีดวีคซีนเพื่อลดความเสี่ยงโควิดอย่างน้อยเข็มแรก 50 ล้านคน หรือ 70% ของจำนวนประชากรทั้งหมดส่วนระยะยาว ต้องผลักดันให้มีฐานการผลิตวัคซีนโควิด-19 ภายในประเทศ

120 วันก่อนถึงเดือนตุลาคม จึงเป็นช่วงเวลาที่คนไทยต้องร่วมแรงร่วมใจฝ่าความเสี่ยงสู่ทางเลือกทางรอดให้ได้ แต่สำคัญยิ่งกว่าไทม์ไลน์เปิดประเทศคือ ไทม์ไลน์การบริหารจัดการวัคซีนที่ต้องมาตามนัดไม่คลาดเคลื่อน ต้องเร่งอุดช่องโหว่รูรั่ว ความโกลาหล ประชาชนพร้อม หมอ พยาบาลพร้อม แต่วัคซีนไม่พร้อม

ช่วงนับถอยหลังจากนี้ไป รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องไม่ประมาท ถอดบทเรียนความผิดพลาดปรับระบบบริหารจัดการตั้งแต่ขั้นตอนการจัดซื้อจัดหา จัดสรร และการกระจายวัคซีน ตามลำดับความสำคัญและจำเป็น พร้อมเร่งสปีดวาระแห่งชาติการปูพรมฉีดวัคซีนให้เข้าเป้าไม่สะดุด เพราะนาทีนี้ไทม์ไลน์วัคซีน คือปัจจัยชี้ขาดว่าการเดินหน้าเปิดประเทศจะสำเร็จหรือล้มเหลว