นอกรอบ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขณะที่รัฐบาลไทยมีนโยบายผลักดันให้ กัญชง (hemp) และ กัญชา (cannabis) เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ โดยเปิดกว้างด้านการผลิต การแปรรูปแบบมีข้อจำกัด และอยู่ระหว่างการออกระเบียบกฎเกณฑ์รองรับ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้กัญชง กัญชา ในต่างประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศมีมาตรการควบคุมอนุญาตผลิต อนุญาตการนำมาใช้แตกต่างกันไป อาทิ
- บัตรเครดิตซิตี้ ย้ายไป UOB บัตรประเภทไหน เปลี่ยนแปลงอย่างไร
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- คำแนะนำจาก ซีอีโอ “ฮั่วเซ่งเฮง” ยุคทอง (โคตร) แพง ต้องลงทุนอย่างไร ?
สหภาพยุโรป
กัญชง
สหภาพยุโรปมีกฎระเบียบในการควบคุมการเพาะปลูกกัญชง คือ Commission Delegated Regulation (EU) 2017/1155 โดยกัญชงสายพันธุ์ที่อนุญาตให้เพาะปลูกได้ต้องมีค่าของสาร tetrahydrocannabinol (THC) ต่ำกว่า 0.3% การผลิตกัญชงในยุโรปส่วนใหญ่มุ่งเน้นเพื่อใช้ในการอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ สิ่งทอ แต่ก็ได้มีการพัฒนาเพื่อนำไปบริโภค ทั้งในรูปของน้ำมันสกัดจากกัญชงและเมล็ดกัญชงเพื่อการบริโภค (seed for food)
ในประเทศเบลเยียม ปัจจุบันเริ่มมีร้านค้าที่ขายผลิตภัณฑ์จากกัญชง (hemp products) เพิ่มมากขึ้น โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชงที่มีรสชาติและกลิ่นของกัญชงแต่ไม่มีสารเสพติด เนื่องจากสารเสพติด tetrahydrocannabinol (THC) และ cannabidiol (CBD) ยังไม่ได้รับอนุญาตในเบลเยียม โดยผลิตภัณฑ์กัญชงที่มีจำหน่ายในเบลเยียม ได้แก่ อมยิ้ม หมากฝรั่ง ครีมนวด roll on
กัญชา
ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปยังไม่อนุญาตให้ใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ยกเว้นประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศเดียวที่อนุญาตการจำหน่ายกัญชาอย่างจำกัด (limited distribution) ในรูปแบบ coffee shops แก่บุคคลที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการจำหน่ายทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองอัมสเตอร์ดัม เช่น ชา กาแฟ หมากฝรั่ง ขนมคุกกี้ อมยิ้ม และน้ำมันกัญชาเพื่อลดความเครียด
ปัจจุบันสหภาพยุโรปยังไม่มีกฎระเบียบกลางในการควบคุมการใช้กัญชา แต่กำหนดให้การพิจารณาอนุญาตให้ใช้กัญชาอยู่ในดุลพินิจของประเทศสมาชิก
การควบคุมกัญชาส่วนใหญ่ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะควบคุมเฉพาะสายพันธุ์ที่มีสาร delta-9-tetrahydrocannabinol (THC) ที่มีระดับสูงกว่า 0.2% และเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2562 ประเทศเบลเยียมได้อนุญาตให้ใช้กัญชาในรูปแบบของการสูบ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า และนำดอกกัญชาแห้งมาใช้สูบในปริมาณเล็กน้อย แต่ยังไม่อนุญาตให้ใช้เพื่อการบริโภค
สหรัฐอเมริกา
กัญชง
จากการวิจัยได้ให้ข้อมูลว่า สาร CBD ที่ได้จากกัญชง จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทของผู้ใช้ เนื่องจากมีสาร THC น้อยกว่าร้อยละ 3 ดังนั้น รัฐบาลกลางสหรัฐ จึงเริ่มเปิดกว้างด้านการปลูกกัญชง และมีแผนสนับสนุนเกษตรกรให้ปลูกกัญชงในอนาคต
กฎหมาย Farm Bill 2014 อนุญาตให้แต่ละรัฐสามารถทำการศึกษาวิจัยอุตสาหกรรมกัญชง เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกและสรรพคุณ ขณะที่กฎหมาย Farm Bill 2018 อนุญาตให้ใช้กัญชงได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมอบอำนาจให้กระทรวงเกษตรสหรัฐเป็นผู้ดูแลควบคุมการปลูก สกัด และการกระทำอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และทำหน้าที่ออกกฎระเบียบกัญชง แทนหน่วยงาน U.S. Drug Enforcement Administration (DEA)
กัญชา
ปัจจุบันมีการอนุญาตให้ใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องในกฎหมายระดับท้องถิ่น (state law) โดยมีจำนวน 44 รัฐ และ 1 เขตการปกครอง ที่อนุญาตให้ใช้อย่างถูกกฎหมาย ตามลักษณะและขอบเขตของรัฐนั้น โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท 1) ใช้เพื่อสันทนาการ จำนวน 10 รัฐ และ 1 เขตการปกครองพิเศษ เช่น อะแลสกา, แคลิฟอร์เนีย, โคโลราโด, เมน, แมสซาชูเซตส์, มิชิแกน, เนวาดา, โอเรกอน, เวอร์มอนต์, วอชิงตัน และวอชิงตัน ดี.ซี. 2) ใช้เพื่อการแพทย์จำนวน 34 รัฐ และมีความพยายามผลักดันในการออกกฎหมายรับรองการใช้กัญชาในระดับกฎหมาย รัฐบาลกลาง (federal law) แต่แนวโน้มการออกกฎหมายดังกล่าวเป็นไปอย่างเชื่องช้า
ญี่ปุ่น
กัญชง
อนุญาตให้ปลูกเฉพาะผู้ปลูกหรือผู้ทำวิจัยที่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดเท่านั้น และจะต้องปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บเส้นใยและเมล็ด หรือทำวิจัย
กัญชา
มีกฎหมายควบคุมกัญชา (Cannabis Control Act) โดยมีสาระสำคัญว่า คำนิยามของ “กัญชา” ตามกฎหมาย หมายถึง พืชตระกูลกัญชาและผลิตภัณฑ์ แต่ยกเว้น 1) กิ่งของต้นที่โตเต็มที่และผลิตภัณฑ์ แต่ไม่หมายรวมถึงยางจากต้นกัญชา และ 2) เมล็ดและผลิตภัณฑ์
ผู้ปลูกกัญชาจะต้องขออนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด และจะต้องปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บเส้นใยและเมล็ดเท่านั้น ผู้ทำวิจัยกัญชาจะต้องขออนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดเช่นกัน และจะต้องปลูกเพื่อการทำวิจัยเท่านั้น ทั้งนี้ ใบอนุญาตจะมีอายุจนถึงวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี
บุคคลทั่วไป นอกเหนือจากผู้ปลูกกัญชาและผู้ทำวิจัยที่ได้รับอนุญาต ห้ามครอบครอง ห้ามรับมอบ ส่งมอบ หรือทำการวิจัยกัญชาโดยเด็ดขาด อีกทั้งห้ามนำเข้าหรือส่งออกกัญชา รวมถึงห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ทำจากกัญชา ในการทำการรักษา หรือเข้ารับการรักษา
กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี สำหรับผู้ที่ปลูก นำเข้า หรือส่งออก กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี สำหรับผู้มีไว้ในครอบครอง ส่งมอบ หรือรับมอบ กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี สำหรับผู้ใช้กัญชา ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่ผลิตจากกัญชาในการรักษาตลอดจนการรับการรักษา
สาธารณรัฐเกาหลี
กัญชา
ไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ส่งออก จำหน่าย ยกเว้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บเกี่ยวเส้นใยกัญชาหรือเมล็ดพันธุ์ที่เป็นการดำเนินการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ และดำเนินการทางวิชาการของสถาบันวิจัยเท่านั้น
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 ผลิตภัณฑ์ยาที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ จะได้รับอนุญาตนำเข้าและใช้เพื่อวัตถุประสงค์บำบัดรักษาส่วนบุคคลสำหรับผู้ป่วยโรคหายาก (rare disease) และโรคที่ได้รับการรักษาได้ยาก เช่น อัมพาตสมอง หรือผู้ที่ไม่มีทางเลือกในการรักษาในสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งนี้ขอบเขตของการสั่งยาและข้อบังคับสินค้ายังคงมีความยากลำบาก เพื่อต้องการเพิ่มมาตรการการใช้กัญชาที่มีประสิทธิภาพ
สาธารณรัฐประชาชนจีน
กัญชง
ปัจจุบันมีการปลูกพืชกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ หรือพืชที่ใช้ในทางอุตสาหกรรม เนื่องจากค่าสาร CBD จากพืชกัญชงไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท และมีค่า THC ต่ำกว่าร้อยละ 0.3 จึงทำให้มีสถิติการผลิตกัญชงในประเทศจีนเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งนี้ จะต้องได้รับอนุญาตในการปลูกและการแปรรูปเพื่อใช้ในด้านอุตสาหกรรมทุกครั้ง รวมถึงเจ้าของสวนหรือโรงงานต้องเปิดให้มีการตรวจสอบผลผลิตเพื่อรับรองในการใช้ด้านอุตสาหกรรม พื้นที่เพาะปลูกกัญชง ได้แก่ เขตปกครองพิเศษกว่างซี มณฑลกานซู่ เป็นต้น
กัญชา
มีกฎหมายห้ามไม่ให้มีการปลูก ผลิต จัดจำหน่าย บริโภค หรือมีไว้ในครอบครอง สำหรับพืชกัญชา หรือ marijuana ค่า THC ร้อยละ 1-10 ซึ่งมีความเข้มงวดอย่างมากในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เนื่องจากมีการใช้ดาวเทียมระยะไกล และโดรนในการตรวจดูพื้นที่ที่ลักลอบการปลูกกัญชา ภายใต้ปฏิบัติการ “Sky eyes” หากมีการตรวจพบต้นกัญชา ต้นฝิ่น หรือพืชที่เป็นสารเสพติดจะเข้าทำลายทิ้ง ทำให้สถิติการลักลอบปลูกพืชเสพติดลดลงเป็นจำนวนมาก และมีบทลงโทษเกี่ยวกับกัญชาตามกฎหมายอาญา