เร่งระดมสรรพกำลังกู้วิกฤต

บทบรรณาธิการ

เข้าสัปดาห์ที่สามที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำสถิตินิวไฮต่อเนื่อง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มระดับหมื่นคนต่อวัน บางวันพุ่งสูงกว่า 1.5 หมื่นคน ผลพวงจากการแพร่กระจายของเชื้อลงลึกถึงชุมชน ครอบครัว ประชาชนทุกเพศทุกวัยมีความเสี่ยงต่อชีวิต และสุขภาพอนามัยมากยิ่งขึ้น

ภาพน่าสะเทือนใจ การต่อแถวเข้าคิวรอฉีดวัคซีนแน่นขนัด การนอนรอเตียงอย่างไร้ความหวัง ผู้ติดเชื้อโควิดเสียชีวิตคาบ้าน ยังเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ขณะที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์มีจำกัด โรงพยาบาลรัฐ-เอกชน โรงพยาบาลสนามหลายแห่งต้องประกาศหยุดรับผู้ป่วยชั่วคราว

นอกจากโซนสีแดงเข้ม 13 จังหวัด อย่าง กทม.-ปริมณฑล กับ 4 จังหวัดภาคใต้ และชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ที่ผู้ติดเชื้อโควิดล้นทะลัก ระบบสาธารณสุขรับไม่ไหว มีอีกหลายจังหวัดที่สถานการณ์เข้าขั้นน่าห่วง พบการติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่ ๆ เพิ่มทั้งในชุมชน โรงงาน ตลาดสด ฯลฯ น่าหวั่นเกรงว่าเชื้อจะลามไปทั่วจนเอาไม่อยู่

รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งคลี่คลายสถานการณ์ เริ่มจากการประเมินผลมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้ในพื้นที่ 13 จังหวัด หยุดการเดินทาง การเคลื่อนย้าย ปิดสถานที่-กิจการเสี่ยง ประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกจากเคหสถานตามเวลาที่กำหนด ตั้งแต่ 12 กรกฎาคม 2564 ว่าได้สัมฤทธิผลมากน้อยเพียงใด จำเป็นต้องยกระดับมาตรการเพิ่มความเข้มข้น กดยอดผู้ติดเชื้อให้ลดลงในระดับที่พอควบคุมได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม กว่า 1 ปีที่รากหญ้า แรงงาน มนุษย์เงินเดือน ผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก ได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกแล้วระลอกเล่า แม้มาตรการช่วยเหลือเยียวยาจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แต่ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนยังมีต่อเนื่อง หลายฝ่ายจึงต้องการให้รัฐเร่งกู้วิกฤตพลิกสถานการณ์ให้คืนกลับมาเป็นปกติ แทนที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ปลายเหตุเหมือนที่เป็นอยู่เวลานี้่

การยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด ลดยอดผู้ติดเชื้อผู้เสียชีวิตรายวัน ให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาขับเคลื่อน จึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะฟื้นความเชื่อมั่น แต่จะเป็นจริงได้ต่อเมื่อรัฐทบทวนบทเรียนความผิดพลาด ปรับการบริหารจัดการและกระจายฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ทั่วถึง

ภายใต้สถานการณ์ที่วิกฤตรอบด้าน นอกจากรัฐบาลต้องทลายกำแพงระบบราชการที่เป็นอุปสรรค ระดมทุกสรรพกำลังแก้ปัญหาแล้ว การดึงเอกชน ประชาชนร่วมผ่าทางตันโควิด และวิกฤตเศรษฐกิจก็ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้คนไทย ธุรกิจไทย ประเทศจึงจะพ้นวิกฤตรอดปลอดภัย