คอลัมน์ สามัญสำนึก สมปอง แจ่มเกาะ
ช่วงนี้ยังทำข่าวทำงานที่บ้าน work from home เป็นหลัก
work from home ช่วงแรก ๆ อาจจะขลุกขลักอยู่บ้าง แต่พอนาน ๆ ไปเริ่มคุ้นชิน
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- BITE SIZE : ขึ้นค่าแรง 10 จังหวัด-ปรับเงินเดือนข้าราชการ เพิ่มขึ้นเท่าไร
- สรุปวิธีใช้เงินดิจิทัล และเงินสด 10,000 บาท ใครขึ้นเงินสดได้บ้าง
ที่สำคัญ ช่วยลดความเสี่ยงโควิด-19 ได้มากเลยทีเดียว
ถึงวันนี้ แม้โควิด-19 จะเป็นกระแสข่าวใหญ่ที่คนสนใจมากมายหลากหลายแง่มุม แต่ในภาพรวมก็ยังมีความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่เป็นข่าวคราวให้เสพกันครบทุกรส
ไม่ว่าจะเป็นข่าวผู้กำกับโจ้คนดัง ที่กำลังเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ หรือข่าวคาวการประมูลชุดตรวจโควิด-19 ที่ดูไม่ชอบมาพากล และยังไม่รู้ว่าบทสรุปจะลงเอยอย่างไร
สำหรับแฟนกีฬาคอฟุตบอล ตอนนี้ลีกใหญ่ ๆ ในยุโรป ทั้งอังกฤษ เยอรมนี สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี ก็เริ่มเปิดสนามฟาดแข้งกันครบ
ส่วนคอการเมือง นอกจากกระแสม็อบรายวัน ตอนนี้เป็นคิวของสนามใหญ่ ศึกซักฟอก-การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เชื่อว่าตลอด 4-5 วัน (31 ส.ค.-4 ก.ย.) คงมีอะไรให้พูดคุยเมาท์มอยกันได้อีกหลายวัน
ที่กำลังได้รับความสนใจอีกข่าวก็คือ การเตรียมประกาศคลายล็อกห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านตัดผม สวนสาธารณะ ลานกีฬา ฯลฯ รวมถึงการผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้
ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน 2564 นี้
นี่เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการเพื่อเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามที่พลเอกประยุทธ์ เคยประกาศผ่านรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อเย็นย่ำค่ำเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา
ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเร่งมะรุมมะตุ้มการทำงาน เพื่อเริ่มสตาร์ตเครื่อง ประเดิมด้วย “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ถัดมากลางเดือนก็เปิด “สมุย พลัส” ที่บวกด้วยเกาะพะงัน เกาะเต่าเข้าไปด้วย ตามด้วยการเปิดกระบี่ พังงา เมื่อกลางสิงหาคมที่ผ่านมา และที่จ่อ ๆ เตรียมจะเปิดอีกเป็นคิวของ เชียงใหม่ หัวหิน รวมถึงพัทยาที่ตอนนี้โควิด-19 ยังหนัก
หรือสเต็ปถัดไปจะเป็นคิวของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภาคตะวันออก เกาะเสม็ด เกาะช้าง เตรียมตัวกันไว้ได้เลย
15-16 ตุลาคม จะครบ 120 วัน เมืองไทยของเราจะได้ฤกษ์ทำพิธีตัดริบบิ้นเปิดประเทศอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน
เหลือเวลาอีก 45-46 วันเท่านั้น
เรื่องการเปิดประเทศ-การคลายล็อก ใครจะคิดอย่างไรไม่รู้
แต่โดยส่วนตัวยอมรับเลยว่า รู้สึกเแหยง ๆ ไม่มั่นใจ เพราะความขยาดกลัวโควิดเป็นทุนเดิม และกังวลลึก ๆ ในใจว่ามันอาจจะกลับมาระบาดรอบใหม่ในเร็ววัน
ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการ หลักใหญ่คือ บ้านเรามีวัคซีนน้อย และที่มีอยู่ก็เป็นวัคซีนที่ประชาชนไม่อยากฉีด
ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นมีนาคมมาจนถึงวันนี้ (ตัวเลข ณ วันที่ 24 สิงหาคม) ประเทศไทยฉีดวัคซีนเข็มแรกได้เพียง 21,231,498 คน หรือประมาณ 29% ของประชากรทั้งประเทศประมาณ 72 ล้านคน ส่วนเข็ม 2 ฉีดได้เพียง 6,405,537 คน หรือ 8.9% ขณะที่เข็ม 3 ฉีดไปแล้ว 560,624 คน หรือ 0.8%
ดูจากตัวอย่างในหลาย ๆ ประเทศที่เริ่มทยอยประกาศจะเปิดประเทศ จะพบแต่ละประเทศล้วนมีอัตราการฉีดวัคซีนไม่ต่ำกว่า 75-80% และมีวัคซีนเพียงพอ ควบคู่กับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
อย่าลืมว่า วัคซีนคือหัวใจสำคัญในการสู้กับโควิด ต้องเร่งรีบหามา ต้องเร่งฉีดให้ครอบคลุมมากที่สุด อย่ามีแต่ตัวเลข และยังไม่รู้ว่าจะมีมาให้ได้ฉีดเมื่อไหร่
ขณะที่ตัวเลขยอดผู้ป่วยรายใหม่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงเฉลี่ยวันละประมาณ 19,000-20,000 คน หรือมากกว่านั้น ส่วนคนตายก็มีมากกว่าวันละ 200 คนโดยประมาณ บางวันเกือบจะแตะ 300 ก็มีให้เห็น
เปิดประเทศแล้ว คลายล็อกแล้ว อีกด้านหนึ่งเตรียมรับมือกันไว้ให้ดี ๆ