ลูกบ้านแอชตัน อโศก Call out รัฐบาล

สามัญสำนึก
เมตตา ทับทิม

#SaveAshtonAsoke ยังคงดังกึกก้องอยู่ในใจลูกบ้านคอนโดมิเนียมแอชตัน อโศก

สืบเนื่องจากศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อ 30 กรกฎาคม 2564 สั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดฯแอชตัน อโศก โดยให้มีผลย้อนหลัง

คำว่าโดยให้มีผลย้อนหลัง ส่งผลกระทบสะเทือนอย่างลึกซึ้ง เพราะแอชตัน อโศก ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีการโอนให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 หมายความว่ามีเจ้าของห้องชุดหรือลูกบ้านอาศัยอยู่แล้ว 87% ของ 736 ห้องชุด มีกรรมสิทธิ์คนต่างชาติ 140 ห้องชุดจาก 20 ประเทศทั่วโลก

โดยลูกบ้านแอชตัน อโศกได้มีการเปิดเวทีแถลงผ่านเพจเฟซบุ๊ก 2 ครั้ง เรียกร้องรัฐบาลเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา เพราะมองว่า “เหตุแห่งทุกข์” ในคดีนี้เกิดขึ้นในฟากภาครัฐทั้งสิ้น การแก้ปัญหาจึงควรจบที่ภาครัฐคุยกันเอง

มีรายละเอียดของการเปิดใจที่ไม่อาจมองข้าม ไม่สามารถแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ดังนี้

1.สาเหตุที่ซื้อห้องชุดแอชตัน อโศก ดูที่ทำเลเป็นอันดับแรก (ติดรถไฟฟ้า MRT+BTS สุขุมวิท 21) ซื้อเป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย

2.ตอนที่เซ็นเอกสารจะซื้อจะขายมีแผนที่และตัวหนังสือบอกว่า ที่ดินตรงนี้เป็นที่ของ รฟม.ซึ่งอนุญาตให้โครงการใช้แล้วอย่างถูกต้อง

3.ณ เดือนมิถุนายน 2561 ก่อนที่จะโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ใบอนุญาตถ้าออกมาอย่างไม่ถูกต้อง เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะระงับการโอน

4.ความรู้สึกหลังมีคำสั่งศาลปกครองกลาง การซื้อคอนโดฯ เหมือนการได้กระดาษเปล่า เป็นกระดาษที่เป็นหนี้อีก 10 ล้าน เราผิดอะไรในการครอบครองสินทรัพย์ที่ออกโดยหน่วยงานราชการตั้งกี่หน่วย แล้วเราไปกู้เงินมาซื้อ สุดท้ายเหมือนเป็นกระดาษเปล่า

5.ไม่รู้ชะตากรรมว่าสุดท้าย (ห้องชุด) จะเป็นของเรา หรือจะโดนยกเลิกแล้วเขาจะให้เราอยู่อีกหรือเปล่า หรือจะทุบตึกไปเลย ไม่มีหน่วยงานไหนที่จะให้กำลังใจเราว่า ทางหน่วยงานผิดเดี๋ยวจะชดเชยให้ ไม่มีเลย

6.นอนไม่หลับหลายคืน สะดุ้งตื่นแบบใจหายมาก ๆ มันคือเงินเก็บที่เราเอาไปดาวน์ และเงินกู้ที่เราจะต้องทำงานผ่อนไปอีกหลายสิบปี (ลูกบ้าน) หลาย ๆ คนถูกกระทบมาก มันเป็นพลังงานที่รบกวนจิตใจมาก ๆ

7.สิ่งที่ได้ยินมาตลอดคือว่า ทาง รฟม.มีความตั้งใจพัฒนาพื้นที่รอบสถานี แต่รถไฟฟ้าตัดไปตรงไหนกลายเป็นที่ตาบอด แล้วสุดท้ายต้องมาทำเป็นบ้านโลว์ไรส์หรือปลูกมะนาวในกรุงเทพฯ กลายเป็นขัดกับเจตนารมณ์ของ รฟม. เราเป็นผู้บริโภคจะกล้าซื้ออะไรที่ไหนหลังจากนี้

8.ปัญหาตอนนี้คือ การรีไฟแนนซ์และการรีเทนชั่น (เงื่อนไขขอปรับดอกเบี้ยหลังผ่อนครบ 3 ปี) ไม่มีใครรีไฟแนนซ์ผ่านเลย รีเทนชั่นก็ต้องลุ้น ยอดหนี้สินเชื่อรวมกัน 3,000 ล้านบาท ถ้าขอลดดอกเบี้ยได้ 2% ตกปีละ 60-90 ล้าน หากใช้เวลาสู้คดีอีก 4-5 ปีเท่ากับเม็ดเงิน 350-400 ล้านที่ลูกบ้านจะต้องเป็นคนรับภาระในระหว่างนี้

9.ผมมั่นใจเลยว่า ธนาคารไม่มีทางให้หยุดผ่อนแน่ ๆ ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นกระดาษเปล่า แล้วก็เป็นวิมานกลางอากาศไปแล้ว ผมมั่นใจว่าแบงก์ต้องเก็บจากผมจนครบ

10.จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีหน่วยงานราชการใดติดต่อลูกบ้านแอชตัน อโศก สิ่งที่เข้าใจคือทุกคนตกเป็นเหยื่อหมดเลย ทุกคนทำผิดหมดเลย ก็เข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่ราชการ ก็เห็นใจมาก ๆ เพราะได้ทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว

11.เรายังต้อง ผ่อนอยู่ทุกเดือน มันมีความรู้สึกหดหู่มาก มันเหมือนเป็นตราบาปซึ่งเราก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย

12.จากใจลูกบ้านเราไม่อยากฟ้องใคร ถ้าเป็นไปได้เราอยากได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐในเรื่องกฎระเบียบต่าง ๆ มากกว่า อยากจะให้คลี่คลายแบบนั้น ให้พวกเราสามารถไปต่อได้ แล้วไม่สร้างผลกระทบเสียหายในวงกว้างต่อไป อยากจะขอความเห็นใจจากหน่วยงานรัฐเรื่องของกฎระเบียบต่าง ๆ คิดหาทางออกให้เราได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ


13.ขอวิงวอนเลยว่าถ้าคดีนี้ จบได้ก่อน 5 ปี เราจะดีใจมาก เพราะสุขภาพจิตที่เสียไปค่าหมออาจจะเกินค่าคอนโดฯ