ผ่อนมาตรการเฟส 2 ต้องแก้ล็อกวัคซีน

นนท์พร้อมฉีดแอสตร้า 2 เข็ม
บทนำ

หลังปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในการเปิดกิจการ-จัดกิจกรรม สำหรับสถานที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยงตามหลักการ Universal Prevention ด้วยการปรับพฤติกรรมป้องกันโรคส่วนบุคคลกับ COVID-Free Setting Protocol แนวปฏิบัติสำหรับองค์กร และการกำกับติดตามแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่ 1 ก.ย. 2564 การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา สัญญาณการผ่อนคลายล็อกเฟส 2 ยิ่งชัดเจนขึ้น

ขณะเดียวกันจะมีการทบทวนการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยจะนำ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ที่อยู่ระหว่างการแก้ไขเพิ่มเติมมาปรับใช้แทนกฎหมายพิเศษ ซึ่งจะส่งผลให้ ศบค.สิ้นสภาพ หรือเปลี่ยนไปอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯฉบับใหม่ โยงไปถึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน การประกาศกำหนดระยะเวลาห้ามออกจากเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ที่รัฐบาลเตรียมคลายล็อกดาวน์ ปรับลดเคอร์ฟิวอีกระลอก หลังโควิดเริ่มคลี่คลาย

หากเป็นไปตามที่คาด มีการผ่อนกฎคุมเข้ม ปรับลดจังหวัดโซนสีแดงเข้มพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวดจาก 29 จังหวัด เหลือ 10 จังหวัด ลดระยะเวลาเคอร์ฟิวตามสัญญาณที่ส่งออกมาล่วงหน้า นอกจากภาคธุรกิจการค้า ประชาชนจะสามารถทำธุรกิจ ใช้ชีวิต ทำงานได้ตามปกติมากขึ้นแล้ว จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นหนุนบรรยากาศทางเศรษฐกิจในภาพรวมที่ซบเซาต่อเนื่องให้ฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม การปรับโหมดการดำเนินธุรกิจ การใช้ชีวิต ให้อยู่ร่วมกับโควิดได้เป็นเรื่องค่อนข้างท้าทาย เพราะยังไม่อาจวางใจได้ว่าสถานการณ์ระบาดของโรคโควิดที่ดูเหมือนมีแนวโน้มดีขึ้นทุกพื้นที่ และมาตรการที่บังคับใช้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดกลุ่มก้อนใหญ่ได้ จริง ๆ แล้วมั่นใจได้มากน้อยแค่ไหน ที่ต้องจับตาคือการกลับมาแพร่ระบาดระลอก 5 หรือการแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศของโควิดสายพันธุ์มิว (MU)

รัฐบาลจึงยังต้องควบคุมดูแลเข้มข้น อย่าให้การผ่อนกฎเปิดกิจการ จัดกิจกรรม ทำให้ผู้ประกอบการ หรือประชาชนการ์ดตก ขณะเดียวกันการเร่งรัดฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง พื้นที่เสี่ยง ตลอดจนประชาชนทั่วไป กับการสนับสนุนให้ใช้จุดตรวจ ATK ฯลฯ ต้องไม่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ การกระจายวัคซีนเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่มีข้อครหา

ผู้บริหารระดับนโยบายทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ จึงต้องเข้าใจปัญหา รู้วิธีแก้โจทย์ในภาคสนาม ไม่ใช่นั่งทำงานบนหอคอยงาช้าง ที่สำคัญปริมาณวัคซีนที่สั่งจอง สั่งซื้อกว่า 120 ล้านโดส เมื่อถึงเวลาต้องไม่ติดล็อก ให้คนไทยที่ตั้งตารอต้องลุ้นว่าจะมาหรือไม่มาตามนัด เพราะถ้าผ่อนคลายล็อกล่วงหน้าแต่ตัวช่วยสร้างภูมิคุ้มกันไม่มา ยังเสี่ยงติดเชื้อแพร่เชื้อ จะยิ่งฉุดประเทศ และเศรษฐกิจไทยติดหล่มลึก