ชวนคิด เดินหน้าประเทศไทย กับ Single Application ภาครัฐ

นอกรอบ
ดร.ปภาภรณ์ ชุณหชัชราชัย 
นิติ พงศ์สุขเสถียร

การให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชนในอดีตประชาชนจำเป็นต้องเดินทางไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐโดยตรง แต่ปัจจุบันมิติการให้บริการภาครัฐมีหลากหลายมากขึ้นผ่านการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งจากสถิติผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกผ่านโทรศัพท์มือถือมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

เดือนมกราคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือมีมากถึง 4.32 พันล้านคน จากประชากรทั่วโลก 7.83 พันล้านคน คิดเป็นร้อยละ 55.17 และคาดการณ์ว่าสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

นั่นแสดงให้เห็นว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือมีจำนวนมากกว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความต้องการของประชากรทั่วโลกในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอาจจะเชื่อมโยงไปถึงความต้องการใช้บริการในการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้นด้วย

ดังนั้น รูปแบบการให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชน จึงมีการพัฒนาให้มีความหลากหลาย ผ่านการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ในลักษณะแอปพลิเคชั่นหรือเว็บบราวเซอร์ทางโทรศัพท์ ซึ่งล้วนเพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐและประชาชนผู้ใช้บริการในด้านการติดต่อ ช่วยประหยัดเวลา ลดการเดินทาง ลดการสัมผัส ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสำคัญในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

สำหรับประเทศไทยแต่ละหน่วยงานภาครัฐมีหน้าที่ความรับผิดชอบหลากหลาย ภายในหน่วยงานบางแห่งมีลักษณะการให้บริการหลากหลาย เป็นเหตุให้จำนวนแอปพลิเคชั่นหรือเว็บบราวเซอร์ทางโทรศัพท์ที่เข้ามาตอบโจทย์การให้บริการมีมากขึ้น จนนำไปสู่ความสับสนต่อประชาชนผู้ใช้บริการ

ทั้งนี้ หลายประเทศได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการเปิดแอปพลิเคชั่นที่เป็นศูนย์รวมการบริการภาครัฐที่เรียกกันว่า single application (ตารางตัวอย่างประเทศที่มี single application) ตัวอย่าง เช่น สาธารณรัฐเอสโตเนีย และเครือรัฐออสเตรเลีย ต่างมี single application ให้บริการในกลุ่มประชาชน ที่ต้องการขอใบอนุญาตต่าง ๆ สำหรับการจัดตั้งธุรกิจในประเทศ และครอบคลุมการให้บริการอื่น ๆ แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งจะเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับการยืนยันตัวตนที่เชื่อมโยงกับแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ ของภาครัฐ

ทำให้การเข้าถึงการบริการต่าง ๆ ของภาครัฐทำได้ง่ายขึ้น สำหรับในกลุ่มประเทศอาเซียน สิงคโปร์ และมาเลเซีย ก็มี single application ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและด้านการบริการประชาชน โดยสิงคโปร์เป็นประเทศที่ได้ลำดับ e-Government Development Index 2020 ดีที่สุดในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนด้วย

ปัจจุบันประเทศไทย โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) ได้ดำเนินการเปิดระบบการใช้งาน single application ในรูปแบบของเว็บบราวเซอร์ด้านการดำเนินการธุรกิจ ชื่อว่า Biz Portal และสำนักงาน ก.พ.ร.พัฒนา single application โดยใช้ชื่อ Citizen Portal (ทางรัฐ) ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการโครงการพัฒนาศูนย์บริการครบวงจรแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อเป็นศูนย์บริการทั้งภาคธุรกิจและประชาชน

หากโครงการดังกล่าวครอบคลุมด้านการบูรณาการการทำงานที่เกี่ยวกับการจัดการแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ของภาครัฐได้ จะนำไปสู่ single application ด้านบริการประชาชน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ และบริการประชนชน สอดรับยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ สอดรับการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์ในไทยซึ่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 59.22 ล้านคน ใน พ.ศ. 2569

สำหรับประชาชนผู้ใช้บริการ คงไม่มีอะไรที่ดีกว่าได้เห็นภาครัฐทุกหน่วยงานบูรณาการข้อมูลร่วมกันและอัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการบริการประชาชน โดยไม่ต้องให้เสียเวลาเข้าไปลงทะเบียนใหม่ทุกครั้งที่ขอรับการบริการ หรือขอรับสวัสดิกาจากรัฐ แค่เข้ามายืนยันตัวตนชวนคิด เดินหน้าประเทศไทยกับ single application ภาครัฐ