คอลัมน์ สามัญสำนึก อิศรินทร์ หนูเมือง
ยังมีเวลาอีกนานยิ่งกว่านาน กว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะปรากฏตัว
ไม่ใช่แค่ปัจจัยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่ได้กำหนดวาระของนายกรัฐมนตรีไว้ในมาตรา 158 วรรคสี่ ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปี มิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ไม่ใช่แค่เพียงการเปิดตัวหัวหน้าพรรค ทั้งพรรคเก่า พรรคใหม่ ที่กำลังก่อตั้ง เพิ่งจดทะเบียน แล้วจะเห็นเส้นทางไปสู่นายกรัฐมนตรี
ไม่ใช่แค่ปัจจัย 3 ช่องทาง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบัน ที่ยังเป็นที่ถกเถียงว่า วาระ 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญ จะจบสิ้นเมื่อใด
ใช่วันที่ 23 สิงหาคม 2565 เพราะนับจาก 24 สิงหาคม 2557 ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯครั้งแรก หลังการรัฐประหาร
หรือวันที่ 5 เมษายน 2568 นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560
หรือจะทอดยาวไปถึง 8 มิถุนายน 2570 นับจากวันที่ได้รับโปรดเกล้าฯ 9 มิถุนายน 2562 เป็นนายกฯครั้งสอง หลังการเลือกตั้ง
ในสมัยปัจจุบัน สมมติฐานในการมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ อาจไม่ใช่เกิดขึ้นหลังการกดดันทางการเมือง จนนำไปสู่การยุบสภา แล้วเลือกตั้งกันใหม่
หากว่ามีปัจจัยนอกกระดานการเมืองเข้ามากำกับ และนับเป็นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่คนที่อ่านทางยาก พูดคำไหน มักเป็นไปอย่างนั้น
แม้เรื่องที่เคยปิดลับ-ไม่เปิดเผย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี คนเดียว ที่สามารถนำมาเปิดเผยได้
แผนล้มนายกรัฐมนตรี ในสภาผู้แทนราษฎร ที่ถูกเดินเกมลับ ยังถูก พล.อ.ประยุทธ์เปิดโปง ด้วยการอ้างรัฐธรรมนูญ และมีประกาศพระบรมราชโองการ ให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ในช่วงเวลาสายฟ้าแลบ
พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียว ที่ประกาศในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ท่ามกลางหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลว่า แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะลาออกก็ยังอยู่ได้
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศล่าสุดโดยนัยว่า ขอเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 5 ปี “เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา และต้องแก้ไขทั้งหมด”
เมื่อสถานภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะร่วงจากตำแหน่ง หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ บรรดาพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้าน-รัฐบาล และพรรคการเมืองใหม่ จึงต้องโหมเปิดหัว-หาแสง เพื่อหาเสียง ล่วงหน้า
หลายพรรคจัดจ้างทีมประชาสัมพันธ์ใหม่-หาฝ่ายโฆษณา เตรียมแคมเปญ อย่างเป็นระบบ
บางพรรคคืบหน้าการเจรจาหาแคนดิเดต ในบัญชีนายกรัฐมนตรีใหม่
บางพรรคเก่าแก่ แต่ยังชุลมุนชิงการนำ อย่างไร้อนาคต
มีพรรคเดียวที่ประกาศเด็ดขาดไม่เคยเปลี่ยนแปลง นอนมา คือ ภูมิใจไทย ที่ใส่ชื่อเดียวตลอดกาล คือ อนุทิน ชาญวีรกูล
บางพรรคยังงำประกาย เปิดหัวลวง-ชิมลาง ซ่อนหัวตัวจริงไว้เปิดตัวอย่างเซ็กซี่ในช่วงโค้งสุดท้าย ตามตำรารบ ไม่เกิน 100 วัน ชิงนายกรัฐมนตรี ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว
ที่เหนือกว่าการเปิดหัว ชิงแสง เปิดตัวว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยังมีปัจจัยชี้ขาดอีกอย่างน้อย 2 เรื่อง
หนึ่ง คือ เงินเพื่อการเลือกตั้ง ที่อยู่นอกเหนือค่าใช้จ่ายตามรัฐธรรมนูญกำหนด
สอง คือ คน-ที่ได้รับการสนับสนุนทุกมิติ ทั้งมวลชน-ฐานเสียง จัดตั้งจากฟ้าสู่ดิน
หากไม่มีปัจจัยเรื่องคะแนนนิยม ที่เป็นปัจจัยหลัก ที่ตัดสินแพ้-ชนะ
พรรคพลังประชารัฐ ภายใต้ความพยายามกุมสภาพ โดยเครือข่าย 3 ป. ท่อของทุน และนักการเมืองมืออาชีพ พร้อมสรรพทั้งเงินทอง และตัวช่วยที่มองไม่เห็น น่าจะอยู่ในลู่ที่ลุ้นแต้มชนะ
แต่หากเลือกตั้งแบบใหม่ บัตรสองใบ และพรรคทักษิณ เปิดหัวว่าที่นายกรัฐมนตรี ที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่วัยกลางคน เข้าใจการเมือง มีฐานเสียงคนรุ่นใหม่ ครบเครื่องเรื่องทุนและบารมี และบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ที่โดดเด่น เส้นทางสู่ทำเนียบก็ไม่ไกลเกินฝัน
แต่ก็นั่นแหละ สมัยนี้ ไม่ใช่ว่านายกฯจะยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ก็ทำได้
หากเครือข่ายอำมาตย์ใหม่ ทุนใจถึง ที่เป็นแก้วสารพัดนึก เตรียมผู้มีบารมีไว้ เปิดหัวขึ้นมา บรรดาหัวพรรคการเมืองในสนามก็จบเห่
หัว-ที่ว่า ณ วันนี้ ยังบ่มบารมี นับถอยหลัง ออกมาโลดแล่นในสนามการเมือง
โปรดเฝ้ารอคอย การประกาศ ด้วยใจระทึก