นายกฯเพื่อไทย

เศรษฐา ทวีสิน นายกเพื่อไทย
PRACHACHAT/Illustration/Bhattarada Manee
คอลัมน์สามัญสำนึก
อิศรินทร์ หนูเมือง

ไม่เร็ว ไม่ช้า ที่จะกล่าวถึงคุณสมบัติว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

หลังผ่านการรีโนเวต-ผ่องถ่ายกรรมการเลือดเก่า เข้าสู่เลือดแท้เครือข่าย-สายชินวัตรอีกครั้ง ตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว

อีเวนต์เปิดตัว แพทองธาร ชินวัตร เข้าสู่พรรคในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม จึงพ่วงท้ายด้วยข่าวแคนดิเดตว่าที่นายกรัฐมนตรี ที่มีการปล่อยออกมาถึง 6 ชื่อ ทั้งจากสายตระกูล “ชินวัตร” และนักธุรกิจมืออาชีพ กับคนนอกพรรคเพื่อไทย

ที่เกี่ยวพันทางสายตระกูล “ชินวัตร” อาทิ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ภริยาทักษิณ, พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงอ้อ, ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ลูกเขยทักษิณ และแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ

และอีก 2 ชื่อที่ถูกปล่อยออกมาลองของอย่างต่อเนื่อง คือ เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ที่มีคอนเน็กชั่นพิเศษเกี่ยวดองกับ 2 พี่น้องอดีตนายกรัฐมนตรี

ข้อถกเถียงเรื่องเพื่อไทยจะก้าวไกลไปถึงความเป็นสถาบันพรรคการเมือง หรือจะเป็นเพียงมรดกส่วนตัวของตระกูลชินวัตร ดังก้องใต้ถุนตึกชินวัตร สะท้อนเสียงไกลไปถึงที่ทำการพรรค ถนนเพชรบุรี

ถกแถลงกันว่า ทางหนึ่งต้องการดึงคะแนนจากฐานเสียงคนรุ่นใหม่ ทางหนึ่งต้องการเรียกคะแนนที่เป็นแฟนคลับทักษิณ และชุมชนชาวเสื้อแดง

1 ใน 3 บัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผนึกกับ 3 ปัจจัย ที่จะนำขบวนเพื่อไทยให้ชนะแบบหิมะถล่ม ต้องมีคุณสมบัติขับเคลื่อนพร้อมกัน 4 ทาง

ทางแรก ผู้อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนที่มีภาวะผู้นำ นำพาประเทศฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และโรคระบาด

ทางที่สอง นโยบายเปลี่ยนชีวิตคน-เปลี่ยนประเทศ ตามคัมภีร์หาเสียงไทยรักไทย ที่ใช้นโยบายบรรทัดเดียวชนะแลนด์สไลด์มาแล้ว 4 ครั้ง อาทิ กองทุนหมู่บ้านละล้าน, 30 บาทรักษาทุกโรค, หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งถูกจุดประกายไว้เปิดตัว-ต่อยอดในช่วงโค้งหาเสียงเลือกตั้ง

ทางที่สาม ตัวผู้สมัคร ส.ส.ในแต่ละพื้นที่ มีคะแนนซื้อใจประชาชน ที่จะโหวตลงไปในบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทั้งระดับบัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต และเอ็กซ์ตร้าในบัตรบัญชีรายชื่อ ประกาศตัวเป็นสะพานเชื่อมนำความทุกข์-ปัญหาประชาชน สู่รัฐบาล

ทางที่สี่ การใช้เครื่องมือการสื่อสาร ในแต่ละแพลตฟอร์ม ทั้งสื่อเก่า-สื่อใหม่ ในโลกออนไลน์ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ที่สามารถครอบคลุมเกาะกุมจิตใจมวลชนทุกระดับ ทั้งกับคนรุ่นใหม่-คนรุ่นสูงวัย

ทั้ง 4 ทางนี้จะเป็นช่องทางในการเคลื่อนวิสัยทัศน์และนโยบายของศูนย์อำนาจกรรมการบริหารพรรค ให้เข้าถึง-เข้าใจ นำไปสู่ศรัทธามหาชนให้มากที่สุด ถึงจะบรรลุชัยชนะแบบหิมะถล่ม-ชนะแบบที่พรรคไหนก็ไม่กล้ารวบเสียงท้าชิงเส้นทางเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล

ครั้งหนึ่ง ก่อนการประชุมใหญ่เปิดตัว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ขึ้นเป็นผู้อำนวยการพรรค เขาถูกถามถึงผู้นำคนใหม่ที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน

นพ.สุรพงษ์ตอบว่า “…อย่างน้อยคุณเศรษฐาก็เป็นผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ย่อมมีทักษะการเป็นผู้นำ และจากการฟังให้การสัมภาษณ์ ก็เป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ดี ถามว่า ถ้าคุณเศรษฐาสนใจ ผมคิดว่าก็ดีนะก็สนับสนุน แต่คุณเศรษฐาจะสนใจหรือเปล่าอีกเรื่องหนึ่ง แต่การเมืองเป็นเรื่องลำบากมาก การเมืองไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจกันง่าย ๆ”

“ขึ้นอยู่กับคุณเศรษฐา ว่าเขาสนใจหรือไม่ ใน 3 ชื่อที่พรรคเสนอให้ประชาชนเลือก และขึ้นอยู่กับว่าประชาชนมองว่าคนไหนมีความสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้มากที่สุด…อยู่สถานการณ์ ณ วันนั้น วันที่ใกล้เลือกตั้ง”

ครั้งหนึ่งเศรษฐา ตอบเรื่องการเมือง เทียบกับผู้จัดการทีมฟุตบอล และคำแนะนำสำหรับผู้จัดการทีมที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

เศรษฐาตอบว่า “ผมว่านี่เป็นคำถามที่ยากนะ วันนี้ผมอยากเป็นผู้เล่น ไม่ได้อยากเป็นผู้จัดการทีม ต้องมาดูว่าจริง ๆ แล้วผู้จัดการทีม เรื่องของผู้เล่นเป็นเรื่องสำคัญ การคำนึงถึง stakeholder ทั้งหลาย

ผู้จัดการทีมฟุตบอลต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง เจ้าของทีมคุณก็ต้องเอาใจเขา ผู้เล่น, แฟนคลับ และสื่อกีฬาคุณก็ต้องบริหารให้ได้ 4 เสานี้สำคัญ เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไร perfect”

“จะเอาใจนักเตะมากเกินไป ไม่เอาใจเจ้าของทีมก็ไม่ได้ เรื่องการบริหาร 4 เสา 5 เสา หรือ 6 เสา ที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน ผู้จัดการทีมหรือผู้จัดการรัฐบาลเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้น stakeholder ทั้งหลายจะต้องถูก take care ด้วยความเท่าเทียม”

บังเอิญจริง ๆ ที่คำตอบเศรษฐา 4 เสา ละม้ายกับคำตอบและคุณสมบัติอันพึงปรารถนาของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย 4 ข้อ ที่หวังชิงชัยชนะแบบหิมะถล่ม-แผ่นดินไหว…อีกครั้ง