การ์ดสูง…โควิดรีเทิร์น

ฉีดวัคซีน
PHOTO : Facebook CVC กลางบางซื่อ
สามัญสำนึก
พัฒนพันธุ์ วงษ์พันธุ์

บรรยากาศเดิม ๆ เริ่มกลับมา ช็อปปิ้งดังกลางกรุงปรากฏภาพความคึกคัก ผู้คนหนาตา ที่จอดรถเริ่มหนาแน่น บรรดาร้านอาหารตามห้างอาจยังไม่มีลูกค้าครอบครัว แต่กลุ่มอื่น ๆ เริ่มกลับมา

ที่สะท้อนบรรยากาศกลับมาเปิดเมืองได้อย่างชัดเจนก็คือ สภาพการจราจร รถกลับมาติดยาวเหยียด หลังจากไม่เห็นภาพแบบนี้มาพักใหญ่

เจ้าของค้าปลีกยักษ์ใหญ่บอกกลางงานสัมมนาเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “คนมีความหวังมากขึ้น ความมั่นใจกลับมาแล้ว” “วีกเอนด์ที่ผ่านมา รถเช่าที่ภูเก็ตแทบไม่มีเหลือ อัดอั้นมานาน ภาพกลับมาเหมือนเดิมค่อนข้างจะแน่นอน”

เช่นเดียวกับเจ้าของเชนโรงแรมรายใหญ่ ห้องพักในพอร์ตหลายพันห้อง ที่บอกว่า สถานการณ์ดีขึ้น แต่ไม่ได้คิดไกลถึงขนาดกลับมาปกติโดยเร็ว เพราะต่างประเทศที่เข้ามายังมีไม่มาก

ข้อมูลของทางการประเมินว่าปี 2565 จะถึงนี้ อย่างเก่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเมืองไทยน่าจะอยู่ที่ 5 ล้านคน ห่างไกลจากช่วงยังพีก ๆ ที่สูงถึง 40 ล้านคนอีกมาก

แน่นอนว่าระดับของดีกรีผลกระทบมีไม่เท่ากัน

หลายคนบอกว่าช่วงที่การเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่เปิดเต็มร้อย สินค้ากลุ่มลักเซอรี่ ยอดขายไม่ได้ร่วงหล่นลงแต่อย่างใด พอบินไปซื้อในต่างประเทศไม่ได้ กลายเป็นว่ายอดขายลักเซอรี่ในห้างพุ่งสูงขึ้น และไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมาพักใหญ่ ๆ แล้ว

“รีเทลที่พอไปได้ยังอยู่ในกลุ่มบน ส่วนที่ค้าขายกับกลางลงมาล่าง ถือว่ายังเหนื่อย กำลังซื้อตกลงไป และยังไม่รู้ต้องใช้เวลาแค่ไหนกว่าจะฟื้นกลับมา เช่นเดียวกับเอสเอ็มอี บรรดาผู้ประกอบการรายย่อย ๆ ที่ล้มหายไปตั้งแต่โควิดรอบแรก”

สาเหตุทำให้สถานการณ์โดยรวมของไทยคลี่คลาย ไม่ว่าพูดคุยกับนักธุรกิจวงไหน ๆ คำตอบออกมาคล้าย ๆ กัน

ส่วนหนึ่งมาจากประเทศไทยแก้ปัญหาเรื่องวัคซีนดีขึ้น มีวัคซีนเพียงพอไปถึงสิ้นปี ตัวเลขการฉีดต่อวันสูงกว่าเป้าที่ตั้ง นับถึงวันนี้มีผู้ฉีดครบ 2 โดสเกินครึ่งของประชากรทั่วประเทศ พอวัคซีนเริ่มครอบคลุม ตัวเลขผู้ป่วย-ผู้เสียชีวิตลดลง เป็นธรรมดาที่คนจะรู้สึกผ่อนคลาย

อันที่จริงตัวเลขการฉีดน่าจะสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ ถ้ารัฐจะหยุดการฉีดวัคซีน (ยี่ห้อนั้น) ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ต้องยอมรับว่าที่คนบางกลุ่มไม่ยอมฉีด เพราะไม่อยากได้วัคซีนยี่ห้อที่ว่า

บอกตรง ๆ ยังโกรธบรรดาผู้รับผิดชอบไม่หาย รู้ทั้งรู้คำตอบของโควิดคือ “วัคซีน” ทำไมถึงได้ปล่อยให้สูญเสียมหาศาลขนาดนี้

นับตั้งแต่โควิด-19 แพร่ระบาดเมื่อปีก่อน เรามีผู้ป่วยสะสมกว่า 2 ล้านราย ผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 หมื่นราย เทียบกับประชากร 70 ล้านคน เป็นที่ 24 ของโลก ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยในเวฟ 3 และ 4 ตั้งแต่สงกรานต์ที่ผ่านมา

ที่ทุกคนไม่ยอมวางใจ คือ ความเป็นไปได้ที่เชื้อจะ “กลายพันธุ์” ขึ้นมาอีกรอบ หลังจากที่ผ่านมา เราเคยบอบช้ำอย่างหนักจากเชื้อ “เดลต้า” จนต้องล็อกดาวน์ปิดเมือง ปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ปิดแคมป์ก่อสร้าง ในช่วงเดือนสิงหาคม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดอ่อนเป็นเรื่องเดิม ๆ การเข้าเมืองผิดกฎหมายบรรดาผู้ใช้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ลักลอบเข้ามาตามตะเข็บชายแดน

ยังดีที่เราเรียนรู้จากการแพร่ระบาดครั้งก่อน ๆ ยังไม่ผ่อนคลายให้สถานบันเทิงต่าง ๆ เปิดบริการ และยืดเวลาออกไปเป็นต้นปีหน้า มิฉะนั้นเราคงได้เห็นคลัสเตอร์บันเทิงซ้ำรอยอีกครั้ง

แต่นั่นแหละ สุดท้าย ภาครัฐก็ยังเป็นภาครัฐ เมื่อจู่ ๆ เกิดมีไอเดีย ฉีดวัคซีนให้ครบทุกคน 100% ทั่วประเทศ ภายในวันที่ 15 ธันวาคม เพื่อประกาศให้ทุก ๆ ประเทศได้รับรู้ถึงศักยภาพการจัดหาวัคซีน และความสามารถบุคลากรสาธารณสุขไทย


คิดไปได้ !!!