บินไทยยุค “อุษณีย์”

คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย สกุณา ประยูรศุข

เจอะเจอกันบนเครื่องบิน เอ 350 เที่ยวบินจากเมืองตูลูส ฝรั่งเศส มาบางกอก ไทยแลนด์ “อุษณีย์ แสงสิงแก้ว” รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทย ยังหน้าสดและใสกิ๊ก ขนาดเธอว่าอดนอนมาหลายวัน และแถมยังบ่นรู้สึกเครียดกับหลาย ๆ เรื่องที่การบินไทย ที่สำคัญทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมาก

เรื่องเครียด เป็นใครก็คงต้องเครียดเป็นธรรมดา ในเมื่อปัญหาที่การบินไทยแต่ละประเด็นสะสมมานานเป็นสิบปี ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยประเภทผ้าห่ม แก้วน้ำ ช้อน ชาม บนเครื่องหาย ไปจนถึงปัญหาใหญ่บิ๊กเบิ้ม การซื้อ-ขายเครื่องบินลำละหลายพันล้านบาท และยังมีเรื่องขวัญและกำลังใจของพนักงานหลังจากเจอมรสุมถูกคัตตัดค่าใช้จ่ายให้ประหยัด เพื่อการอยู่รอดของสายการบินแห่งชาติ ปัญหากระทบกระทั่งกับบริษัทลูกในเครือสารพัด

แต่ถึงอย่างไร หลายเรื่องหลายประเด็นได้รับการแก้ไข ตั้งแต่สมัย “จรัมพร โชติกเสถียร” เป็นดีดี มาจนถึงยุค “อ้อม-อุษณีย์” ลูกหม้อการบินไทยที่ขึ้นมานั่งเก้าอี้รักษาการ ได้สานต่อการแก้ปัญหาล้วง แคะ แกะปมออกมาทีละนิด มาถึงตอนนี้ต้องยอมรับว่า หลายปัญหาได้รับการแก้ไขดีขึ้นเป็นลำดับ

อุษณีย์เธอเล่าว่า แท้ที่จริงแล้วไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะต้องมาบริหารงานมากขนาดนี้ แรกที่สมัครงานเข้าการบินไทย เพราะความอยากเป็นแอร์โฮสเตส ตามประสาสาว ๆ ที่เรียนจบมหาวิทยาลัย ใฝ่ฝันอยากเป็นแอร์กันทั้งนั้น เวลาผ่านไปการงานของเธอขยับไปตามลำดับ ช่วงระยะยาวนานถึง 35 ปี ในสังกัดดอกจำปี เธอย้ายไปอยู่ทุกฝ่าย ทุกแผนก ฝ่ายเสมียน โอเปอเรชั่น ฯลฯ เรียนรู้มาหมดแล้วทุกอย่าง จนเธอว่า “ยกเว้นแผนกช่างเครื่องกับเป็นคนขับเครื่องบินเท่านั้น ที่ยังไม่ได้เป็น”

กระทั่งมานั่งรักษาการดีดีในปัจจุบัน จึงเรียกได้ว่า “อ้อม-อุษณีย์” รู้ปัญหาในการบินไทยแบบทะลุปรุโปร่ง เพราะสัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง

ช่วงดำรงตำแหน่งรักษาการดีดี ผลงานหนึ่งที่ทำไว้เป็นที่ขึ้นหน้าชูตา เป็นงานในซีกของบิสซิเนสยูนิต อาทิ บริการภาคพื้น คาร์โก ขนส่งสินค้า ครัวการบิน ฯลฯ เหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ สามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทการบินไทยอย่างงาม

สินค้าโอท็อปจากชุมชนก็เป็นอีกตัวที่แทบไม่น่าเชื่อว่า รายได้เฉพาะปีที่ผ่านมา ตัวเลขสูงถึง 30 ล้านบาท

วิธีการขายโดยจัดทำเป็นแค็ตตาล็อกเฉพาะของสินค้า วางไว้ทุกที่นั่งของผู้โดยสารทุกเที่ยวบิน ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ที่พิเศษคือสินค้าโอท็อปทั้งหมดที่การบินไทยวางบนเครื่อง สามารถสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ โดยมีใบสั่งซื้อและรับสินค้าได้ที่สนามบิน หรือจัดส่งให้กับลูกค้าถึงโรงแรมที่พัก หรือที่อยู่ปลายทางที่ลูกค้าต้องการ การขายจึงทั่วถึงและครอบคลุม

ผ่านมาถึงขนาดนี้ อุษณีย์บอกว่า แม้จะมีความเครียด แต่ความหนักใจก็น้อยลง เพราะถึงแม้จะมีปัญหา แต่จะมองไปข้างหน้าและเดินไปด้วยกัน การทำงานของพนักงานการบินไทยทุกวันนี้ มาจากความเข้าใจซึ่งกันและกัน และทำงานเป็นทีมเวิร์ก

เธอยังบอกด้วยว่า ความรู้สึกวันนี้รู้สึกว่า พนักงานรักกันมากขึ้น อยู่อย่างสงบ เขาให้เราปกครองกันเอง แล้วจะเอาอะไรอีก มีอะไรก็มาบอกได้ เธอเองก็พร้อมสนุกสนานกับงาน พูดคุยกับลูกน้อง เพราะถ้าไม่พูด ลูกน้องก็ไม่พูด

ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า อุษณีย์เหมือนกับศาลไคฟง ที่แจกบัตรคิวให้คนมาร้องทุกข์ ซึ่งบัตรคิวตอนนี้ เธอว่าเยอะมาก และต้องรับแขกที่เป็นลูกน้องตลอดเวลา เลยไม่ว่างจะไปช็อปปิ้งหรือทำกิจกรรมส่วนตัว แต่ทั้งหมดนี้เธอว่า เป็น “ความจริงใจ” ที่มีให้ทุกคน “เหนื่อยไม่ว่า ขอให้ทุกคนมีความสุข ทำงานอย่างพี่อย่างน้อง มันสนิทใจมากกว่า”

อย่างนี้คงต้องจับตาดูต่อไปว่า การบินไทยยุคอุษณีย์จะก้าวไปข้างหน้า พ้นปากเหวคำครหานินทา อย่างที่ผ่านมาหรือไม่ ?