
คอลัมน์ ดุลยธรรม รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ
ความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งตัวลงอย่างรุนแรง
ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ทรุดตัวลงอย่างมากเช่นเดียวกัน ภาวะดังกล่าวเป็นผลจากความวิตกกังวลว่า การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน อาจส่งผลต่อการแพร่ระบาดเช่นเดียวกับสายพันธุ์เดลต้า
ซึ่งอาจทำให้หลายประเทศเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่อีกระลอกหนึ่ง ส่งผลต่อการเดินทางระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องหยุดชะงักครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ที่หลายฝ่ายกำลังจับตาและเกาะติดสถานการณ์ คือ การระบาดระลอกใหม่ของเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนจะทำให้การกระเตื้องและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้เดิม
ในเบื้องต้นคาดว่า ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและตลาดการเงินไทยอย่างจำกัดในระยะแรก หากทางการไทยสามารถควบคุมไม่ให้เข้ามาระบาดในประเทศได้ และองค์การอนามัยโลก (WHO) และประเทศต่าง ๆ ได้ร่วมมือกันในการจำกัดการแพร่ระบาดไวรัสสายพันธุ์นี้ให้อยู่เฉพาะ 8 ประเทศในแอฟริกา
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หากการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ไวรัสสามารถเอาชนะวัคซีนป้องกันการติดเชื้อที่เรามีอยู่ขณะนี้ทั้งหมดได้ นั่นอาจหมายถึง ความหายนะทางเศรษฐกิจ และความเสี่ยงทางด้านสุขภาพในระดับสูงสุด
ขณะเดียวกันระบบการป้องกันการแพร่ระบาดในหลายประเทศต้องพังทลายลงทันที หากปล่อยให้มีการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ในประเทศ ดังนั้น ถ้าหากสามารถป้องกันไม่ให้สายพันธุ์โอไมครอนเข้ามาระบาดในประเทศไทยได้ ผลกระทบจะมีจำกัดมาก เพราะไทยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนกับประเทศในแถบแอฟริกาใต้ 8 ประเทศน้อยมาก สำหรับ 8 ประเทศที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ประกอบด้วย ประเทศแอฟริกาใต้ นามิเบีย บอตสวานา ซิมบับเว เลโซโท เอสวาตินี โมซัมบิก และมาลาวี
อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้ผลกระทบกับไทยและภูมิภาคเอเชียยังค่อนข้างจำกัด ขณะประเทศแอฟริกาใต้ที่เป็นประเทศคู่ค้าหลักของไทยในทวีปแอฟริกา ก็มีมูลค่าการค้าโดยรวมเฉลี่ยประมาณ 2,600 กว่าล้านดอลลาร์เท่านั้น เช่นเดียวกับจำนวนนักท่องเที่ยว และการเดินทางระหว่างกันก็มีไม่มาก ผลกระทบต่อภาคส่งออก และภาคท่องเที่ยวของไทยโดยตรงจึงน่าจะมีไม่มากเช่นเดียวกัน
แต่จะกระทบตลาดการเงิน จากความวิตกกังวลอันเป็นผลกระทบทางจิตวิทยาการลงทุน และผลกระทบจากการห้ามเดินทางที่ต้องป้องกันไม่ให้สายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” แพร่ระบาดไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลก เหมือนสายพันธุ์ “เดลต้า” จากการกลายพันธุ์ในประเทศอินเดีย
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การค้าระหว่างไทยกับประเทศในทวีปแอฟริกาช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2559-2563 มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 9,861 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 0.50% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย และประเทศไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ามาตลอด
โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปแอฟริกา เช่น ข้าว รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก การแพร่ระบาดระลอกใหม่โดยไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาจึงไม่มีผลต่อสินค้าส่งออกเกษตรของไทยไปแอฟริกามากนัก แต่จะมีผลต่อสินค้าอุตสาหกรรม และรถยนต์มากกว่า
ทั้งนี้ ประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของไทยในภูมิภาคแอฟริกาที่มีรายงานของการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ คือ แอฟริกาใต้ (ร้อยละ 27.59 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทยกับทวีปแอฟริกา) อียิปต์ (ร้อยละ 9.45)
โดยศูนย์กลางการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้อยู่ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งมีประชากรได้รับวัคซีนครบโดสเพียง 24% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่เพียง 77 คน แต่ตัวเลขนี้อาจไม่สะท้อนสถานการณ์แท้จริงเพราะระบบสาธารณสุขในแอฟริกาล้าหลัง แต่หากทุกประเทศดำเนินการตามมาตรฐานสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ย่อมป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดกระจายไปทั่วโลกเหมือนสายพันธุ์เดลต้า
แต่อีกด้านหนึ่งก็มีข่าวดีว่า บริษัทไฟเซอร์ บริษัทไบโอเทค บริษัทโนวาแวกซ์ และบริษัทผลิตวัคซีนหลายแห่ง ได้เริ่มต้นในการวิจัยวัคซีนสูตรใหม่เพื่อเตรียมรับมือกับสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” โดยวัคซีนตัวใหม่พร้อมสำหรับการทดสอบ และผลิตได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
นอกเหนือจากความเสี่ยงเศรษฐกิจจากโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่แล้ว คาดว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันน่าจะลดลงในช่วงนี้ อาจไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ประกอบกับประเทศสำคัญ ๆ ได้ประกาศห้ามการเดินทางจากแถบประเทศแอฟริกา 6-8 ประเทศในทันที
ปัจจัยเหล่านี้น่าจะลดความตื่นตระหนกของนักลงทุนในตลาดการเงินได้ระดับหนึ่ง เพราะการแพร่ระบาดอาจถูกจำกัดวงอยู่ในเฉพาะกลุ่มประเทศในแอฟริกาเท่านั้น ซึ่งประเทศเหล่านี้หลายประเทศมีระดับการเปิดประเทศต่ำมากอยู่แล้ว ยกเว้นประเทศแอฟริกาใต้
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจึงน่าจะยังขยายตัวเป็นบวกได้ในปีนี้ โดยอาจขยายตัวต่ำกว่า 0.5% และการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีอาจไม่คึกคักอย่างที่คาด ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ส่วนตลาดหุ้นในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีการกระเตื้องขึ้นบ้าง หลังจากดิ่งลงแรงปลายสัปดาห์ก่อน โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลง -2.3% เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ ปรับตัวลงกว่า 4% ตลาดหุ้นสหรัฐลงกว่า 2.5%
โดยภาพรวมแล้ว ตลาดหุ้นเอเชียตอบสนองในทางลบต่อข่าวไวรัสกลายพันธุ์น้อยกว่าภูมิภาคอื่น ๆ เงินทุนจำนวนมากจะยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชีย และบางส่วนโยกมาลงทุนในตลาดทองคำ และตลาดพันธบัตรและตราสารหนี้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยง ตลาดการเงินโลกจะยังผันผวนรุนแรงในลักษณะเป็นขาลงไปอีกระยะหนึ่ง
ขณะที่ตลาดพันธบัตรและราคาทองคำในช่วงนี้จะเป็นขาขึ้น ส่วนภาคเศรษฐกิจจริง และเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังไม่กระทบอะไรมาก จนกว่าจะมีประเทศสำคัญ ๆ ทางเศรษฐกิจประกาศล็อกดาวน์เพิ่มเติม
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขห้ามไม่ให้ผู้เดินทางจาก 8 ประเทศในแอฟริกาเข้าไทย จึงเป็นการตัดสินใจถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ แต่ควรมีการดำเนินการมาตรฐานสาธารณสุขเข้มงวดเสริมขึ้นอีก สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศเพื่อลดโอกาสการนำเข้าเชื้อสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน จากชาวต่างชาติ
ที่ค่อนข้างน่าห่วงคือ ยังไม่มีผลการศึกษาชัดเจนว่า วัคซีนที่มีอยู่สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะหากเกิดการระบาดในประเทศรอบใหม่ จะกระทบต่อชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจมากกว่าระลอกสาม แต่หากทั่วโลกห้ามผู้เดินทางจาก 8 ประเทศอย่างเท่าทันต่อสถานการณ์ และทำพร้อม ๆ กัน โอกาสที่เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลกแบบสายพันธุ์เดลต้าย่อมมีความเป็นไปได้น้อยมาก ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทยย่อมอยู่ในวงจำกัด
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันจึงมีความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดูแลเศรษฐกิจด้วยมาตรการทางการคลังเพิ่มขึ้น เพราะการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอาจล่าช้าออกไป การเดินทางระหว่างประเทศ และการเปิดประเทศอาจมีอุปสรรคจากการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสสายพันธุ์ใหม่
แต่ไม่เห็นด้วยกับการขยายเพดานหนี้จาก 30% เป็น 35% ในงบประมาณรายปี เพื่อนำไปจ่ายประกันรายได้เกษตรกรชาวนา เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อฐานะทางการคลังได้ในระยะต่อไป ควรใช้วิธีตัดลดงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็นออก โดยเฉพาะจากงบฯประจำ เพื่อนำไปจ่ายโครงการประกันรายได้เกษตรกรแทน
และขอให้รัฐบาล ทบทวนนโยบายประกันรายได้ที่อาจสร้างภาระทางการคลังแบบไม่มีเพดานได้ หากราคาข้าวในตลาดยังคงปรับตัวลดลงจนรัฐบาลต้องจ่ายส่วนต่างประกันรายได้จำนวนมาก รัฐบาลอาจต้องกำหนดเพดานว่าจ่ายได้เต็มที่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับสัดส่วนงบประมาณ เนื่องจากประเทศจำเป็นต้องนำเงินงบประมาณไปใช้ในส่วนอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะงบประมาณทางด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชนที่อาจจะจำเป็นเฉพาะหน้าเวลานี้
การจัดเตรียมวัคซีนให้เพียงพอสำหรับการระบาดระลอกใหม่ และการลงทุนวิจัยวัคซีนและยารักษาโรคอุบัติใหม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะการลงทุนทางด้านสุขภาพถือว่าเป็นเงื่อนไขจำเป็น (necessary condition) ต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และในระยะยาวแล้วเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์