ฟุตปาทตบทรัพย์

เลือกตั้งผู้ว่ากทม.2565
Photo by Jack TAYLOR / AFP
คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : เมตตา ทับทิม

เข็มขัดสั้นกันทั้งประเทศ เพราะคาดไม่ถึงว่าโควิดจะอยู่ยาวเข้าปีที่ 3 แล้วในปี 2565 นี้

เทศกาลสำคัญของไทยอย่างสงกรานต์ น่าจะเป็นปีที่ 3 เช่นกันที่เรา ๆ ท่าน ๆ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข รัฐบาลอุตส่าห์ประกาศให้วันที่ 13 เมษายนเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ทุกครอบครัวควรจะมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองห้อมล้อมกราบอวยพรผู้ใหญ่

คุณหมอที่เป็นนักรบโควิดท่านออกมาพูดดักหน้าไว้แล้วว่าช่วงสงกรานต์อาจได้เห็นผู้ป่วยโควิดหลัก 1 แสนคน ฟังแล้วได้แต่ร้องเฮ้อ

ในฐานะคนเดินถนน หลบรถมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนเลนบนฟุตปาทอยู่เป็นประจำ ไม่อยากจะบอกเลยว่ายุคโควิด 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิต

ซึ่งหากชีวิตมีรสชาติ ยุคโควิดก็คงเป็นรสชาติชีวิตขมขื่นพะอืดพะอมเป็นที่สุด

เพราะไม่เคยมียุคไหนที่เดินฟุตปาทอยู่ดี ๆ มีคนเดินเข้ามาขอเงินดื้อ ๆ คนขอมีทั้งหญิงและชาย อายุมากบ้างน้อยบ้าง

เหตุผลมีทั้งเอาไปซื้อข้าวกิน เป็นค่ารถกลับบ้าน ซึ่งรายที่ขอค่ารถน่าสนใจ แต่งตัวดีสะอาดสะอ้าน หิ้วกระเป๋าถือกระเป๋าผ้า ถ้าไม่เอ่ยปากขอเงินมองเผิน ๆ คิดว่าเป็นครูสอนพิเศษเพราะพูดจาดีมาก

ตอนแรกขอ 300 บาท อ้างว่ายืม คะยั้นคะยอให้บอกชื่อ-เบอร์โทร.-เลขที่บัญชี (คิดในใจว่าแมวที่ไหนจะกล้าให้ข้อมูลส่วนตัว) ถึงบ้านแล้วจะโอนเงินคืน ถามว่าเอาไปทำไมตั้ง 300 นางบอกว่าจะนั่งรถเมล์ไปต่อรถแท็กซี่ที่รังสิตเพราะเข้าซอยลึกมาก สรุปให้ไป 100 เพราะคิดว่าคงเดือดร้อนจริง ๆ

คนจรจัด+ขอทานดูเหมือนจะชุกชุมมากกว่าปกติ โควิดมีการปิดสนามกีฬาก็เลยหันไปเดินออกกำลังกายบนฟุตปาทแถวบ้านย่านนวมินทร์

ลองเปลี่ยนใช้หลาย ๆ เส้นทางในรัศมีเดินไปกลับ 5-6 กิโลเมตร สิ่งที่พบใต้สะพานลอยข้ามถนน ป้ายรถเมล์มีความน่ากลัวเรื่องความปลอดภัยสำหรับผู้หญิงพอสมควร

สัญชาตญาณคนเรา พอออกกำลังกายด้วยการเดินบนฟุตปาทเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีภัยคุกคาม ก็เลยเปลี่ยนมาปั่นจักรยานแทน จะดีจะชั่วถ้าเกิดอะไรขึ้นน่าจะปั่นหนีได้ทัน ปรากฏว่า bike lane บนฟุตปาทมหานครกรุงเทพ ขอประณามว่าห่วยแตกสุด ๆ

บางจุดความกว้างกลายเป็นความแคบ แถมมีการปลูกต้นไม้เบียดพื้นที่ทางเดินเท้า เพราะฉะนั้น คุณแม่บ้านที่คิดจะปั่นจักรยานบนฟุตปาทอาจต้องคิดหนัก

วันที่ช็อกมากคือเดินกลับจากเซเว่นฯหน้าหมู่บ้าน มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขี่มาจากด้านหลัง แล้วจอดรถข้างตัว ผู้ชายหน้าตาดีอายุ 30 ปีบวกลบ ยกมือไหว้แบมือบอกว่า พี่ ๆ ผมขอเงินหน่อย 50 บาท

ก็เลยโวยกลับไปว่า เรายังต้องเดิน แต่คุณมีรถขับ เขาบอกว่าตอนนี้ในครอบครัวไม่มีเงินติดบ้านสักบาท ขอเงินเติมน้ำมันครับ

จำความรู้สึกได้ว่านาทีนั้น ใจหายวูบ ท่าทางถ้าไม่ได้เงินจะไม่ยอมง่าย ๆ

คิดพลอตได้เรื่องเดียวว่าเขามาขอดี ๆ ถ้าไม่ให้อาจโดนทำร้ายร่างกายเพราะมีมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว เปลี่ยนจากไหว้เป็นต่อยหรือกระโดดถีบเราแล้วบิดคันเร่งหนี แค่นี้ก็ตามไม่เจอ เหมือนโดนป้ายยารีบควักแบงก์ยี่สิบให้ไป 2 ใบ

ภาษาวัยรุ่นคงพูดว่า เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องโค-ตะ-ระใหญ่ค่ะ

ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินคนเดินดินกินข้าวแกง บนฟุตปาทเมืองกรุงแท้ ๆ แต่ทำไมประชาชนรู้สึกมีภัยคุกคาม กลุ่มเป้าหมายคือผู้หญิง ผู้หญิง และผู้หญิง

โรคระบาดเป็นตัวการทำให้ความตกงาน ความไม่มีจะกินเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า อีเวนต์ใหญ่เมืองกรุงเทพฯ ตอนนี้มีการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการคนใหม่ หย่อนบัตรกันวันที่ 22 พฤษภาคมนี้แหละ

มีผู้สมัครล้นหลาม 30 คน มีท่านไหนบ้างที่อาสาแก้ปัญหาปากท้อง สยบภัยคุกคามบนฟุตปาท ถ้ามีส่งเสียงมาทางนี้ได้เลยค่ะ ยินดีมอบ 1 โหวต

แต่ถ้าได้คะแนนเสียงไปแล้วไม่ทำอะไร ขออนุญาตสาปแช่งตามหลัง ธรรมะสวัสดี