ใช้เงินอนาคต

ประกันสังคม
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

เกิดเสียงค้านกันระงมกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบับที่… (พ.ศ.) เพิ่มเติม ให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสะสมกรณีชราภาพออกมาใช้ก่อนที่จะมีอายุ 55 ปี หรือนำไปใช้ค้ำประกันเงินกู้กับสถาบันการเงินได้ เพราะมองว่าผิดหลักการประกันสังคม ที่มุ่งลดความเสี่ยงในกรณีที่ผู้ประกันตนมีชีวิตยืนยาวกว่าเงินที่เก็บออมไว้

ทั้งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) สภาพัฒน์ สำนักงาน ก.พ. ฯลฯ และอีกหลายหน่วยงานที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย ระบุว่าเงินกองทุนชราภาพนั้นเป็นเงินกองกลางที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) บริหารจัดการเพื่อทยอยจ่ายให้กับผู้ประกันตนเมื่อเกษียณอายุเป็นรายเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต

การดึงเงินจากกองทุนชราภาพ นอกจากทำให้หลักประกันทางรายได้ยามชราภาพลดลงแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเงินกองกลางและผู้ประกันตนรายอื่น ๆ ในอนาคต อาจเร่งให้เงินกองทุนหมดเร็วขึ้น

กลุ่มนักวิชาการมองว่า สปส.ต้องจ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพให้แก่ผู้ประกันตนตามหลักเกณฑ์ อัตรา และสูตรที่กำหนดไว้ หากมีเงินส่วนหนึ่งออกไปต้องเปลี่ยนการบริหารจัดการใหม่ ปรับลดสัดส่วนการลงทุนระยะยาว ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าเป็นการลงทุนระยะสั้นมากขึ้น เพื่อสำรองเงินจ่ายกรณีผู้ประกันตนใช้สิทธิ

ขณะที่กลุ่มเห็นด้วยมองว่าขณะนี้เศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ หากสามารถดึงเงินดังกล่าวกลับออกมาใช้จ่าย จะช่วยแบ่งเบาภาระหรือไม่จำเป็นต้องกู้เงินนอกระบบ โดยประเมินว่าน่าจะมีผู้ประกันตนใช้สิทธิราว 5 ล้านคน วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท

แม้กรณีนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำเนื่องจากการแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคม เป็นการแก้ไขกฎหมายต้องส่งร่างให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจแก้ และนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภา แต่กระนั้นมีความเป็นห่วงถึงการแก้ปัญหาของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่เน้นมองเฉพาะหน้า มีเงินกองอยู่ก็ให้นำมาใช้ ไม่มีเงินก็ใช้วิธีกู้

ที่ผ่านมาผู้มีอำนาจพยายามเข้ามาล้วงเงินจำนวนมหาศาลของ สปส. ในรูปแบบต่าง ๆ แต่ถูกคัดค้านหลายครั้ง กระทั่งครั้งนี้มาในรูปแบบให้ผู้ประกันตนดึงเงินออกมาใช้เอง ซึ่งผิดหลักการของกองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ ที่ต้องการให้ผู้ประกันตนมีเงินใช้จ่ายยามเกษียณอายุ ซึ่งตอนนั้นบางคนอาจไม่มีเรี่ยวแรงหรือช่องทางสร้างรายได้ การได้รับเงินเป็นประจำทุกเดือนแม้ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยพอประทังชีวิตได้ตามอัตภาพ

ด้วยหลักคิดเรื่องการใช้ชีวิตในอนาคต ทำให้รัฐบาลในอดีตออกกฎหมายให้ทุกคนที่ทำงานต้องจ่ายเงินสะสมไว้ใช้ยามเกษียณ เพราะมองว่าหากเป็นภาคสมัครใจอาจมีคนส่วนหนึ่งไม่เข้าร่วม แล้วเกิดปัญหาดำรงชีพในช่วงบั้นปลายชีวิต


แต่ขณะนี้กลับมีความพยายามชักจูงให้คนในระบบประกันสังคมส่วนหนึ่งดึงเงินอนาคตมาใช้ จึงเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง