ขอสำเนาประวัติการรักษา จากโรงพยาบาล

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ โดย สุชาฎา ประพันธ์วงศ์

โรงพยาบาลศิริราชเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีคนไปรักษาจำนวนมากทั้งเคสฉุกเฉินและรักษาทั่วไป แน่นอนว่าคนไข้ของโรงพยาบาลแต่ละปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายรายเดินทางมาจากทั่วประเทศ แต่ในบางครั้งเมื่อเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินไม่อาจเดินทางมาได้ ก็จำเป็นต้องเรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน

ฉะนั้น การขอประวัติการรักษาจึงมีความจำเป็นมากสำหรับการรักษาอาการป่วยในเบื้องต้น ซึ่งในอดีตการขอประวัติผู้ป่วยค่อนข้างยุ่งยาก

แต่ขณะนี้โรงพยาบาลศิริราชมองเห็นความจำเป็นในการขอประวัติการรักษา เพราะนอกจากจะช่วยแบ่งเบาคนไข้ไม่ต้องเดินทางมาถึงโรงพยาบาลแล้วยังช่วยให้แพทย์ที่ทำการรักษาตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้รับประวัติการรักษาอย่างละเอียด โดยมีการเปิดจุดบริการให้สำเนาประวัติการรักษาผู้ป่วยเพิ่ม

ในกรณีขอสำเนาประวัติการรักษา เพื่อการรักษาต่อกับโรงพยาบาลอื่น และขอสำเนาประวัติการรักษาหรือขอให้แพทย์กรอกแบบฟอร์มของบริษัทประกันชีวิต เพื่อการยื่นทำประกันชีวิต หรือการขอสินไหมทดแทน ณ งานเวชระเบียน ตึกผู้ป่วยนอก ชั้น 1 ห้อง 101

โดยเปิดให้บริการตั้งแต่วันอังคารที่ 9 มกราคม 2561 เป็นต้นไป ในวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 07.00-20.00 น. วันเสาร์ เวลา 07.00-19.00 น. วันอาทิตย์ เวลา 07.00-12.00 น. ส่วนวันนักขัตฤกษ์ ปิดบริการ

บริการนี้จะทำให้ได้รับความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น ใครที่ต้องการขอประวัติการรักษาจะต้องเป็นญาติและนามสกุลเดียวกันเท่านั้น แต่ถ้าป็นการขอระหว่างโรงพยาบาลกับโรงพยาบาลจะรวดเร็วขึ้นมากกว่าการเดินทางมาด้วยตนเอง

โดยทางโรงพยาบาลศิริราชจะดำเนินการส่งประวัติให้กับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง เช่น ส่งทางอีเมล์

อย่างไรก็ตามจะต้องส่งสำเนาบัตรประชาชนผ่านทางแฟกซ์และต้องส่งมาจากโรงพยาบาลรัฐอีกแห่งหนึ่งเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลจะต้องเป็นผู้ดำเนินการให้ ซึ่งวิธีนี้ญาติหรือผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมาเองที่โรงพยาบาลศิริราช เพียงแต่ต้องประสานให้เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลนั้น ๆ ประสานมา ซึ่งโรงพยาบาลรัฐในต่างจังหวัดบางแห่งงานหนัก จึงไม่มีเวลาประสานงานให้ เพราะลำพังดูแลผู้ป่วยก็สาหัสแล้ว ถ้าต้องมาดำเนินการเรื่องเอกสารอีกก็จะกลายเป็นภาระใหญ่

บางครั้งการไปพบแพทย์ในต่างจังหวัด หากมีประวัติที่โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ในเมือง แพทย์จะขอประวัติการรักษาเพิ่ม เพื่อทำการวิเคราะห์และรักษา ซึ่งคนไข้ต้องดิ้นรนในการขอประวัติจากโรงพยาบาลใหญ่ ๆ เอง เช่น โรงพยาบาลศิริราช หากต้องการขอประวัติการรักษาส่งไปอีกโรงพยาบาลโดยตรง สิ่งที่ต้องมีคือ เอกสารการขอประวัติการรักษา มีลายมือชื่อแพทย์ผู้ทำการรักษาพร้อมตราประทับจากโรงพยาบาลนั้น ๆ เพื่อส่งไปยังโรงพยาบาลศิริราช พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนผู้ป่วยเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องให้เรียบร้อย รวมถึงเบอร์โทร.ติดต่อประสานงาน ต้องเป็นเบอร์โทร.ของโรงพยาบาลเพราะจะต้องมีเจ้าหน้าที่รับเรื่อง ซึ่งจุดนี้เองที่จะทำให้เกิดปัญหา เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยจัดการเรื่องให้ หากผู้ป่วยลุกเดินได้อาจต้องเดินเอกสารเอง แต่ถ้ากรณีเดินไม่ได้ก็ต้องอาศัยพยาบาลช่วยประสาน

ทั้งนี้ การขอประวัติการรักษาขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของโรงพยาบาลแต่ละแห่งด้วย เรื่องนี้จะง่ายขึ้นมาก หากมีเจ้าหน้าที่ที่คอยประสานกับโรงพยาบาลใหญ่ ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาล ควรจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยให้บริการในจุดนี้โดยเฉพาะ

ที่สำคัญ เพื่อเป็นการป้องกันประวัติการเจ็บป่วยรั่วไหล เจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานติดต่อให้แพทย์กับแพทย์ส่งข้อมูลกันเองจะสะดวกมากขึ้นกว่านี้

ในเมื่อวิทยาการทางการแพทย์ก้าวไกล ประกอบกับเทคโนโลยีก้าวหน้า ควรต้องใช้สิ่งที่มีให้คุ้มค่าและสะดวกสบายตามยุคสมัย ให้สมกับฐานะ…ไทยแลนด์ 4.0