สูตรสำเร็จแก้จนแบบถาวร

ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้าโพล ในหัวข้อ “คุณภาพชีวิตของคนไทยปี 2560 และความหวังภายใต้รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,250 ราย ประชาชน 49.36% เห็นว่า คุณภาพชีวิตด้านต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมาดีขึ้นกว่าปี 2559 ยกเว้นด้านเศรษฐกิจ 54% เห็นว่าแย่ลง

สอดคล้องกับข้อมูลจากหลายสำนักที่ชี้ว่า แม้เศรษฐกิจภาพรวมจะขยายตัวในทิศทางบวก แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยกับเกษตรกรยังลำบาก มีปัญหาทั้งเรื่องปากท้อง ค่าครองชีพ รายได้สวนทางกับรายจ่ายที่มีเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อเนื่องทำให้เศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นยิ่งอ่อนแอลง

สารพัดมาตรการแก้จนที่รัฐบาลกำลังนำมาใช้ แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะสัมฤทธิผลมากน้อยแค่ไหน แต่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้คำมั่นว่า ปีนี้จะดูแลผู้มีรายได้น้อยคนจนให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เท่ากับทำให้คนกลุ่มนี้เริ่มมีความหวังจะได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

แม้หลายมาตรการจะเป็นสูตรสำเร็จที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยเคยนำมาใช้ อย่างการส่งเสริมอาชีพ การสร้างงานสร้างรายได้ แต่ที่ผ่านมามักเป็นลักษณะไฟไหม้ฟาง ไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง แถมเน้นการหยิบยื่นเงินให้มากกว่าช่วยให้หลุดพ้นความยากจนในระยะยาว มาตรการแก้จนจึงมักไร้ผล

ดังนั้น หากรัฐบาลจริงใจและแน่วแน่ที่จะแก้ปัญหาความยากจนแบบถาวร นอกจากบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าโดยช่วยเหลือทางด้านการเงินเท่าที่เหมาะสมจำเป็นแล้ว ต้องมั่นใจได้ว่าแนวทางใหม่ที่จะนำมาใช้จะช่วยพลิกวิถีชีวิตจากไม่พอมีพอกิน ให้ผู้มีรายได้น้อย คนจนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นได้

เหนือสิ่งอื่นใด ปฏิบัติการแก้จนต้องสร้างโอกาสทั้งเรื่องที่ดินทำกิน การศึกษา อาชีพ แหล่งเงินทุน ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีส่วนอย่างยิ่งที่จะทำให้โมเดลแก้จนประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ต้องยอมเสียสละเวลา และแรงกาย ผนึกกำลังกันขับเคลื่อนผลักดันงานที่ยากและท้าทายสุดในปีนี้ให้สำเร็จ

ด้วยการดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย ให้ผู้มีรายได้น้อย คนจน ทั้งในชนบท ในเมือง มีโอกาสลืมตาอ้าปาก มีรายได้เพิ่มมากขึ้น หนี้สินกับรายจ่ายน้อยลง พึ่งพาตนเองได้โดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากภาครัฐ

หากทำได้นอกจากจะช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากที่ยังอ่อนแอมีความเข้มแข็ง เป็นแรงหนุนส่งเศรษฐกิจประเทศในภาพรวมแล้ว ยังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ช่วยลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้เห็นผลได้อย่างเป็นรูปธรรม