ช่วงโควิด-19 เริ่มระบาดไปทั่วโลก คิริบาติ ประเทศเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกไกลโพ้นประกาศปิดพรมแดนทันทีเพื่อป้องกันการระบาดมาได้เกือบ 2 ปี แต่เมื่อสถานการณ์ผ่านมาถึงตอนนี้กลับไม่รอดแล้ว
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า คิริบาติเพิ่งเปิดพรมแดนในเดือนมกราคมปีนี้เพื่อให้ศาสนจักรของ “พระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย” เช่าเครื่องบินเหมาลำนำชาวคิริบาติกลับบ้านเกิด หลายคนเป็นมิชชันนารีที่เดินทางออกจากคิริบาติตั้งแต่ก่อนปิดพรมแดนเพื่อเผยแพร่คริสตศาสนานิกายมอร์มอน
ก่อนเข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองโควิด-19 กับผู้โดยสารทุกคนถึง 3 ครั้งในประเทศฟิจิที่อยู่ใกล้กัน ทุกคนต้องได้รับวัคซีนและกักตัว ก่อนจะตรวจคัดกรองโควิด-19 อีกครั้ง เมื่อถึงคิริบาติ
แต่ปราการหลายด่านก็ยังไม่เพียงพอเพราะผู้โดยสารเกินครึ่งมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นบวกและกระจายไปอยู่ตามชุมชนต่างๆ ทำให้รัฐบาลประกาศภัยพิบัติ หลังจากผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจาก 36 ราย เป็น 181 รายเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ม.ค.
คิริบาติและประเทศหมู่เกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่ยกการ์ดสูงป้องกันการระบาดของไวรัสไว้ได้นาน อีกทั้ง ทำเลที่ตั้งอยู่ห่างไกลและใช้มาตรการปิดประเทศ แต่ป้องกันการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนไม่ได้
เฮเลน เพทาวซิส–แฮร์ริส ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ในนิวซีแลนด์ กล่าวว่าโควิดติดทุกมุมโลก เพียงแต่บางประเทศซื้อเวลาเตรียมการและให้ประชาชนได้รับวัคซีนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ข้อมูลจาก Our World in Data เว็บไซต์ด้านวิทยาศาสตร์เผยแพร่ว่าชาวคิริบาติได้รับวัคซีนครบโดสเพียงร้อยละ 33 จากประชากร 113,000 คน
ขณะที่ชาวคิริบาติร้อยละ 59 ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส และคิริบาติก็เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีเพียงบริการสาธารณสุขพื้นฐาน
นพ.อาปี เทลาไมโตกา ประธานเครือข่ายแพทย์ชนพื้นเมืองในนิวซีแลนด์ กล่าวว่า ทั้งประเทศคิริบาติมีเตียงผู้ป่วยหนักไม่กี่เตียง ที่ผ่านมา ต้องส่งผู้ป่วยหนักไปรักษาที่ฟิจิหรือนิวซีแลนด์ เนื่องจากระบบการบริหารสาธารณสุขมีอย่างจำกัด เมื่อได้ยินว่าเกิดการระบาด ตนถึงกับอุทานว่า “โอ้ พระเจ้า”
คิริบาติตั้งสถานที่กักกันหลายแห่ง ประกาศเคอร์ฟิวและล็อกดาวน์ ขณะที่ทาเนติ มามาอู ประธานาธิบดีคิริบาติกล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่ารัฐบาลจะใช้ทรัพยากรทุกอย่างเพื่อจัดการสถานการณ์การระบาดและเรียกร้องให้ประชาชนไปรับวัคซีน
ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมีฐานในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับประเทศต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทั้ง คิริบาติที่มีสาวกประมาณ 20,000 คนทำให้เป็นนิกายคริสเตียนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 โดยมีมิชชันนารีทั่วโลกประมาณ 53,000 คนทำงานเต็มเวลาเพื่อชักชวนให้ประชาชนเปลี่ยนศาสนา
โรคระบาดเป็นอุปสรรคต่องานของมิชชันนารีที่จะต้องผ่านพิธีกรรมเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เมื่อผู้ชายอายุ 18 ปีและผู้หญิงอายุ 19 ปี
หลังจากการระบาดรุนแรง โบสถ์แจ้งให้มิชชันนารี 26,000 คนทั่วโลกทราบเมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2563 ว่าเปลี่ยนศาสนาทางออนไลน์จากบ้านได้ ก่อนส่งตัวกลับไปพื้นที่ในอีก 5 เดือนถัดมา
เมื่อเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว โรคระบาดกระจายเป็นวงกว้างในหลายประเทศ เจ้าหน้าที่ของโบสถ์แนะให้มิชชันนารีทุกคนได้รับวัคซีนในประเทศต่างๆ นอกบ้านเกิด
แซม เพนร็อด โฆษกโบสถ์กล่าวว่ามิชชันนารียังคงถูกกักตัวโดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคอยดูแลและจะปล่อยตัวเมื่อสิ้นสุดการกักตัว เนื่องจากปิดพรมแดนคิริบาตตั้งแต่เริ่มระบาด มิชชันนารีหลายคนทำงานเกินกว่าที่กำหนดไว้ 18-24 เดือน บางคนทำงานนาน 44 เดือน
ก่อนการระบาดในเดือนนี้ คิริบาติมีผู้ติดเชื้อเพียง 2 คน เป็นลูกเรือที่มากับเรือสินค้า แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นฝั่ง
ส่วนเครื่องบินเหมาลำดังกล่าวไม่ได้เป็นกรณีแรกที่มิชชันนารีกลับบ้านและติดเชื้อโควิด-19 เพราะเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา มิชชันนารีคนหนึ่งที่กลับจากตองกาติดโควิดเป็นรายแรกของประเทศ หลังจากเดินทางผ่านนิวซีแลนด์ ก่อนกลับบ้านในคิริบาติ แม้ได้รับวัคซีนและกักตัว
รัฐบาลคิริบาติเพิ่งประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ม.ค. อนุญาตให้จับปลาได้โดยจำกัดเวลาและสถานที่ โดยให้มีคนบนเรือได้เพียง 4 คน ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งทำประมงใกล้ชายฝั่ง
ตองกาอ่วมสึนามิ-ผวาโควิดซ้ำ
ด้านตองกา อีกประเทศในทะเลแปซิฟิก พยายามอย่างยิ่งที่จะป้องกันการระบาดระหว่างกำลังฟื้นฟูประเทศปภูเขาไฟปะทุและเกิดสึนามิเมื่อต้นเดือน ประเทศที่มีประชากกร 105,000 คน ได้รับการช่วยเหลือจากทุกมุมโลก แต่ขอให้ลูกเรือของเรือทหารและเครื่องบินจากนานาชาติทิ้งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไว้และออกจากประเทศโดยไม่สัมผัสกับประชาชน
เพทาวซิส–แฮร์ริส กล่าวว่าตองกาประสบภัยพิบัตหนักหนาอยู่แล้วโดยไม่นับรวมโควิด ตองกาจึงทำทุกอย่างเพื่อป้องกัน แต่โควิดจะผสมปนเปกับหายนะเพราะในระยะยาว ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งไม่ให้โควิดเข้าตองกาหรือชุมชนอื่นได้
ส่วนประเทศใกล้ๆ กันอย่างซามัว ซึ่งมีประชากร 205,000 คนก็พยายามป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดครั้งแรกและประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศจนถึงวันศุกร์ที่ 28 ม.ค.
หลังจากผู้โดยสาร 15 คนซึ่งเดินทางมากับเครื่องบินจากออสเตรเลียติดโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้นเป็น 27 คนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ม.ค. รวมทั้ง พยาบาลด่านหน้าที่รักษาผู้โดยสารซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าผู้ติดเชื้อทุกคนแยกกันกักตัวและยังไม่พบการระบาดในชุมชน
แม้ไวรัสคุกคามประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกทำให้ต้องประกาศล็อกดาวน์และออกมาตรการอื่นๆ แต่วิถีชีวิตดั้งเดิมบนเกาะไม่ได้สูญหายไปนานนัก
………