สร้างสุขสไตล์ แคนนอน พนักงานคือกระดูกสันหลังของบริษัท

แคนนอน

“แคนนอน” บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพ และพรินเตอร์ ที่ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังบุกเบิกภารกิจใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง จนพัฒนาธุรกิจไปสู่อุปกรณ์ทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์สิ่งพิมพ์เชิงพาณิชย์ เครื่องมืออุตสาหกรรม และโซลูชั่นภาพเครือข่าย (network visual solutions) จนกลายเป็นอีโคซิสเต็มผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นที่มีคุณภาพขั้นสูงสุด

ทั้งนี้ แคนนอนให้ความสำคัญกับการสร้างความสุขของพนักงานอย่างมาก จึงจัดทำโครงการ “Big Smile with Canon” เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรด้วยรอยยิ้ม และสร้างเสริมพลังบวก เพื่อสนับสนุนบุคลากรรุ่นใหม่ให้สามารถก้าวผ่านความท้าทาย และการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ฮิเดกิ โอซาว่า
ฮิเดกิ โอซาว่า

“ฮิเดกิ โอซาว่า” รองประธานกรรมการบริหาร แคนนอน อิงค์ (Canon Inc.) และ Chief Representative แคนนอน เอเชีย กรุ๊ป กล่าวว่า องค์กรยึด “ปรัชญาเคียวเซ” อันหมายถึงการให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตและการทำงาน เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวม แต่สำหรับแคนนอนยังตีความครอบคลุมไปถึงผู้คนทั้งหมด โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา หรือวัฒนธรรมที่มาใช้ชีวิต และทำงานร่วมกันเพื่อมุ่งหน้าสู่อนาคต

ขณะที่ดีเอ็นเอองค์กรคือ San-ji Spirit หรือทัศนคติพื้นฐาน 3 ประการที่แคนนอนคาดหวังให้พนักงานทุกคนยึดถือปฏิบัติ ได้แก่ หนึ่ง การริเริ่มด้วยตนเอง (Ji-hatsu) สอง การปกครองตนเอง (Ji-chi) และสาม การตระหนักด้วยตนเอง (Ji-kaku) ซึ่งแนวคิดนี้ทำให้แคนนอนยังคงครองความได้เปรียบในการแข่งขันมาตลอดระยะเวลากว่า 85 ปี

และปัจจุบันแคนนอนอยู่ในเฟสที่ 5 ของแผนการดำเนินงานองค์กรระดับโลกที่เป็นเลิศ (excellent global corporation plan) ซึ่งมีเป้าหมายในการเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจผ่านการปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กร ตลอดจนการเพิ่มผลิตภาพ (productivity) ให้ดียิ่งขึ้น

“ผมทำงานบริษัทแคนนอนในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมา 42 ปี ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแคนนอนแตกต่างจากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอื่น ๆ โดยเราให้คุณค่ากับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรอย่างมาก ทั้งยังตระหนักว่าพนักงานคือกระดูกสันหลังของบริษัท

ตรงนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสร้างสภาพแวดล้อมให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจ และมีความสุขในการทำงาน ขณะเดียวกัน ต้องพัฒนา และเสริมศักยภาพพนักงานด้วยการมอบเครื่องมือและการฝึกอบรมที่เหมาะสม”

นอกจากนั้น เชื่อว่าสิ่งสำคัญที่สุดของคนทำงานคือ passion หรือความกระตือรือร้น ดังนั้น จึงสร้างแนวคิด Red Hot Passion ซึ่งสีแดง (red) ไม่เพียงเป็นสีโลโก้ของแคนนอนเท่านั้น แต่ยังเป็นสีที่แสดงถึงพลัง และความกระตือรือร้นอีกด้วย

“ฮิเดกิ โอซาว่า” กล่าวต่อว่า ไม่กี่ปีผ่านมา แคนนอนเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในด้านธุรกิจ และสังคม เนื่องจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ อย่างสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สร้างความท้าทายในด้านโลจิสติกส์และการจัดหาสินค้า ฯลฯ แม้จะเกิดปัญหาดังกล่าว

แต่ด้วย challenging spirit ของแคนนอนในการกล้าที่จะเปลี่ยน, กล้าที่จะเติบโต และกล้าที่จะคิดค้นสิ่งใหม่ กลับเป็นแรงกระตุ้นให้บริษัทเดินหน้าต่อ ซึ่งถือว่าเป็นคุณลักษณะของวัฒนธรรม Red Hot Passion ที่ช่วยขับเคลื่อนสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่หยุดนิ่ง

“เรามีการกำหนดให้วันจันทร์เป็นวัน Passion Monday ด้วยการชวนพนักงานสวมใส่เครื่องแต่งกายสีแดง เพื่อเตือนใจให้เห็นถึงความสำคัญของการมีแพชชั่นในงานที่ทำ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ทุกวันมีช่วงเวลาสำหรับกิจกรรมเต้น เพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจที่ดีของพนักงาน

ดยช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่เต้นทำให้พนักงานมีเวลาพัก พูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนร่วมงาน และใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น”

ตรงนี้นับเป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานต้องมีความสุขในการทำงานไปพร้อมกับการรู้สึกมีคุณค่าเมื่ออยู่ในบริษัท ดังนั้น Big Smile with Canon จึงถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่ผมนำเสนอในบริษัท เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่ของแคนนอนคือกล้องถ่ายภาพ

รอยยิ้มจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการยิ้มอย่างจริงใจทำให้เกิดการหลั่งสารเคมีความสุขตามธรรมชาติอย่างเอ็นโดรฟิน รอยยิ้มยังมีพลังในการทลายกำแพง และช่วยให้ผู้คนเข้าหากันมากขึ้น

“ฮิเดกิ โอซาว่า” กล่าวด้วยว่า Big Smile with Canon ช่วยให้พนักงานมุ่งสู่ไลฟ์สไตล์เชิงบวก มีสุขภาพที่ดี และมองโลกในแง่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังลูกค้า และพันธมิตรธุรกิจอย่างเป็นธรรมชาติ พลังของรอยยิ้มที่จริงใจซึ่งเกิดขึ้นจากภายในองค์กรไปสู่ภายนอกองค์กร

“โปรเจ็กต์ Big Smile with Canon ยังนำไปใช้กับกิจกรรม CSR ทั้งในด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม และสวัสดิการสังคม พนักงานของเรามีส่วนร่วมในกิจกรรมอาสาต่าง ๆ เหล่านี้ ทั้งยังพาสมาชิกในครอบครัวมาร่วมกิจกรรมได้ด้วย

นอกจากนั้น หากมุมมองในมุมธุรกิจ โปรเจ็กต์นี้ยังช่วยให้บริษัทใกล้ชิดกับพนักงาน เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการอื่น ๆ และความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะบริษัทมีการนำเน็ตเวิร์กโซลูชั่น smart workspace solutions,

ระบบการเข้าพื้นที่สำนักงานด้วยระบบจดจำใบหน้า (face recognition) ของแคนนอนที่พัฒนาให้สามารถสแกน และจดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าพนักงานจะสวมหน้ากากอนามัย”

รวมถึงระบบการสั่งพิมพ์งานแบบไร้สัมผัสมาใช้ในการทำงานแบบวิถีใหม่ เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายแล้ว แคนนอนยังคงให้ความสำคัญกับการเข้าถึงลูกค้า และพนักงาน ใส่ใจและเข้าใจความต้องการของพวกเขา พร้อมสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่ทั้งในด้านหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

“ผมบริหารด้วยการพัฒนากรอบแนวคิด ซึ่งแทนที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ในแบบเดิม ๆ ก็ใช้วิธีแสวงหาแนวทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด สำหรับการทำงานกับพนักงาน ผมชอบพูดคุยด้วยใจที่เปิดกว้าง และมีอารมณ์ขัน สำหรับในด้านธุรกิจ ผมบริหารด้วยความโปร่งใส

และทุกคนต้องสามารถนำเสนอความคิดของตัวเองได้ กล้าพูด กล้าทำ ผมคิดว่าตัวเองเป็น CEO ในแบบ Chief Entertainment Officer (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความบันเทิง) ประจำบริษัท ผมให้เวลาในการจัดวาระการประชุมมากขึ้น เพื่อให้ผมมีส่วนร่วมกับพนักงานทุกคน และเพื่อรับฟังความคิดเห็นของพวกเขามากขึ้น”

แม้ว่าการสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาจะทำให้ไม่สามารถเดินทางไปเยือนบริษัทในประเทศต่าง ๆ ได้เหมือนก่อน แต่ผมก็หันมาจัดการประชุมกับพนักงานในประเทศต่าง ๆ แบบ virtual town-hall แทน เพื่อให้เกิดการสื่อสารแบบสองทาง (two-way communication) ที่มีประสิทธิภาพ

นับว่าแคนนอนมุ่งส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นการมีส่วนร่วม และความพึงพอใจของพนักงานของเรา ทำให้เป็นบริษัทที่ทุกคนมีความกระตือรือร้น มีแรงจูงใจที่จะทำงาน และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข