โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นฯ สร้างรายได้สู่ชุมชน 185 ล้านบาท

โครงการผ้าขาวม้า ไทยเบฟ

ก้าวสู่ปีที่ 6 โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่น หัตถศิลป์ไทย สร้างรายได้ให้ชุมชนแล้วกว่า 185 ล้านบาท เดินหน้าขยายความร่วมมือสู่ 17 ชุมชน 16 สถาบันการศึกษาต่อเนื่อง 

วันที่ 13 ตุลาคม 2565 นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และประธานคณะกรรมการโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย เปิดเผยว่า โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 ซึ่งทุก ๆ ปีจะมีการจัด “งานผ้าขาวม้าทอใจ” ซึ่งในปีนี้ได้จัดขึ้นภายในงาน Sustainability Expo 2022 ซึ่งเป็นมหกรรมด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับนานาชาติ ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน-2 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นการสร้างรายได้และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้กับชุมชนผู้ผลิต เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความผาสุกให้กับชุมชน อันนับเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในมิติด้านสังคม

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี

นายฐาปนกล่าวต่อว่า นับตั้งแต่ริเริ่มโครงการเมื่อปี 2559 เราได้เห็นพัฒนาการของสินค้าผ้าขาวม้าทอมือ และความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการด้านลายผ้า รูปแบบสินค้า คุณภาพการตัดเย็บ ตลอดจนการทำการตลาดผ่านช่องทางต่าง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เราได้เห็นความสนใจจากคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น “ทายาทผ้าขาวม้า” ซึ่งเป็นลูกหลานของคนในชุมชนผู้ผลิต ที่หันกลับมายึดถือการผลิตสินค้าผ้าขาวม้าทอมือเป็นอาชีพ ความสนใจจากน้อง ๆ นักศึกษาในโครงการ Creative Young Designer จากสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ที่หันมาเลือกใช้ผ้าขาวม้าเป็นวัตถุดิบในการออกแบบ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลหลายแห่งที่ได้ร่วมสนับสนุนนำผ้าขาวม้าทอมือมาประกอบเป็นสินค้าที่ระลึกของสโมสร

แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคงจะเป็นการนำผ้าขาวม้าทอมือของชุมชนในเครือข่ายของเราเข้าเป็นส่วนประกอบในชิ้นงานศิลปะขนาดยักษ์ที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณโถงชั้น LG ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้เป็นผลงานศิลปะจากคุณเพ็ญจันทร์ วิญญรัตน์ หนึ่งในกรรมการโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยนับตั้งแต่วันเริ่มโครงการ เรียกได้ว่าชิ้นงานศิลปะนี้เป็นการยกระดับผ้าขาวม้าทอมือให้อยู่ในสายตาชาวโลกและผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่จะเข้ามาร่วมงานในการประชุมระดับนานาชาติ ณ ศูนย์ประชุมแห่งนี้อย่างถาวร

ผ้าขาวม้า ไทยเบฟ

สร้างรายได้สู่ชุมชน 185 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยประสบความสำเร็จใน 5 มิติหลักคือ

1.การสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ้าขาวม้าทอมือ 

2.การสร้างเครือข่ายภาควิชาการและภาคเอกชนที่พร้อมสนับสนุนชุมชนในการสั่งซื้อ ให้ความรู้เชิงธุรกิจ และการออกแบบ 

3.การสร้างอัตลักษณ์ของชุมชน 

4.การสานต่องานผลิตและแปรรูปผ้าขาวม้าสู่คนรุ่นใหม่ 

5.การสร้างห่วงโซ่การผลิตผ้าขาวม้าทอมือที่เข้มแข็ง มีความเกื้อกูลกันระหว่างชุมชน

“หากมองในมิติเศรษฐกิจ โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย มีส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าผ้าขาวม้าทอมือ จนสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนที่เข้าร่วมโครงการมาอย่างต่อเนื่องนับเป็นจำนวนกว่า 185 ล้านบาท ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจในชุมชนมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้”

ขยายความร่วมมือสู่ 17 ชุมชน 16 สถาบัน

นายฐาปนกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ โครงการยังได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย ประจำปี 2565 เป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายความร่วมมือ จากจุดเริ่มต้นเพียง 2 ชุมชน 2 มหาวิทยาลัย ในปี 2562 ไปสู่ 17 ชุมชน 16 สถาบันการศึกษาในปีนี้

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เครือข่ายทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมงานกันมาในโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา จะยังคงร่วมกันถักทอแรงบันดาลใจในการพัฒนาผ้าขาวไทยต่อไปในอนาคต ซึ่งจะไม่เป็นเพียงการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น แต่จะยังช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ และที่สำคัญที่สุดคือ การทอใจคนในชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทุกแห่งให้มีความรักสามัคคีและภูมิใจในคุณค่าภูมิปัญญาของตนเอง”

ด้านต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้จัดการโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย กล่าวว่า โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย เป็นโครงการที่ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2559 ภายใต้การดำเนินงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ตลอดเวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ได้รับความร่วมมืออันดียิ่งจากชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในการร่วมกันพัฒนาคุณภาพและการออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าทอมือให้มีความทันสมัย ตรงกับความต้องการของตลาด และยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป

ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าประเทศไทยจะประสบวิกฤตการณ์ COVID-19 เช่นเดียวกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยก็ยังคงมีการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปรับวิธีการทำงานให้อยู่ในรูปแบบออนไลน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการประกวดลายผ้า “นวอัตลักษณ์”

การจัดประกวดภาพถ่ายทางอินสตาแกรมภายใต้หัวข้อ “ผ้าขาวม้าพาสุข” การทำงานร่วมกันระหว่างนักศึกษาและชุมชนภายใต้กิจกรรม Creative Young Designer และการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำหนังสือ “ผ้าขาวม้า นวอัตลักษณ์ วิถีใหม่แห่งลวดลายตาราง” อันเป็นผลให้คณะทำงานสามารถสร้างสรรค์ผลงานโครงการออกมาได้แม้ในช่วง Lock down และมีการขยายเครือข่ายการทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาสู่ 13 สถาบัน โดยจับคู่ทำงานร่วมกับ 15 ชุมชนผู้ผลิต และ 3 สโมสรฟุตบอล

ต้องใจ ธนะชานันท์
ต้องใจ ธนะชานันท์

“ในฐานะตัวแทนของคณะทำงานโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย ดิฉันขอขอบพระคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการ ทั้ง บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย สถาบันการศึกษาในเครือข่าย EISA และภาคีทุกภาคส่วน ที่ได้ให้ความสนับสนุนโครงการนี้มาตลอดระยะเวลา 6 ปี ส่งผลให้โครงการสามารถดำเนินงานมาได้อย่างต่อเนื่อง

ขอให้คำมั่นว่า โครงการของเราจะยังคงทำงานร่วมกับชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการของเราจะยังได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านต่อไปในอนาคต เพื่อให้เราสามารถบรรลุถึงเป้าประสงค์หลัก คือการพัฒนาผ้าขาวม้าทอมือของไทย เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชุมชนผู้ผลิตของเราทั่วประเทศ”

โครงการผ้าขาวม้า ไทยเบฟ