ซัมซุง ตั้งเป้าเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์คืนจาก 180 ประเทศ ให้ได้ 10 ล้านตัน

ซัมซุง เปิดแผนความยั่งยืน เดินหน้ากลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม เพิ่มอัตราใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต ตั้งเป้าเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์คืนจาก 180 ประเทศ ให้ได้อย่างน้อย 10 ล้านตันภายในปี 2030

วันที่ 23 มกราคม 2566 ซังโฮ โจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย เปิดเผยว่า การให้ความสำคัญกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และการสร้างแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนนั้นถือเป็นความท้าทายที่ใหญ่และสำคัญที่สุด โดยซัมซุงกำลังดำเนินการอย่างจริงจังในด้านสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีของโลก ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าองค์กรและขีดความสามารถของเราจะเอื้อให้การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมช่วยเพิ่มโอกาสเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกได้

ซังโฮ โจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย
ซังโฮ โจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย

เมื่อเดือนกันยายน 2022 ที่ผ่านมา ซัมซุงประกาศกลยุทธ์ระดับสากลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยตั้งเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนขององค์กรภายในปี 2050 จนถึงการเพิ่มอัตราการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมไปถึงการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ทั้งในด้านเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ที่จะช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้นและสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

เพิ่มอัตราใช้พลังงานหมุนเวียนในผลิตภัณฑ์

อันเนื่องจากซัมซุงเป็นสมาชิกของกลุ่ม RE100 ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มระดับโลกเพื่อพัฒนาโครงการการใช้พลังงานจากแหล่งหมุนเวียนในภาคองค์กร โดยซัมซุงมีแผนจะให้ทุกหน่วยธุรกิจนอกเกาหลี รวมไปถึงแผนก DX ใช้พลังงานหมุนเวียนภายใน 5 ปี ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ซึ่งจะเห็นว่าเรากำลังก้าวไปบนเส้นทางที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2027

ภายใต้กลยุทธ์ใหม่ เราวางแผนจะเพิ่มอัตราการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขยะอิเล็กทรอนิกส์ของเราตลอดทั้งวงจรของผลิตภัณฑ์ โดยสมาร์ทโฟน Galaxy Z Fold4 และ Flip4 ได้รับการออกแบบให้รวมพลาสติกรีไซเคิลจากตาข่ายดักปลา ที่เสื่อมสภาพหรือที่ถูกทิ้งแล้ว

อีกทั้งซัมซุงยังรวมเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไว้ในผลิตภัณฑ์รุ่นหลัก ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน 7 กลุ่มเพื่อลดอัตราการใช้พลังงาน ได้แก่ สมาร์ทโฟน ตู้เย็น เครื่องซักฟ้า เครื่องปรับอากาศ ทีวี จอมอนิเตอร์ และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

ซัมซุง

เก็บขยะขยะอิเล็กทรอนิกส์คืนจาก 180 ประเทศ

นอกจากนี้ซัมซุงยังวางแผนจะขยายขอบเขตของการจัดเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์คืนจากประมาณ 50 ประเทศในปัจจุบัน เป็นมากกว่า 180 ประเทศภายในปี 2030 ในขณะเดียวกันยังวางแผนจะจัดเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์คืนให้ได้อย่างน้อย 10 ล้านตัน ภายในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปี 2030 ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม

ความยั่งยืนที่ต้องอาศัยทุกคนร่วมมือกัน

ซังโฮ โจกล่าวอีกว่า ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม และเป็นเรื่องที่มีผลต่อธุรกิจทั้งหมด รวมถึงธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโอเชียเนียด้วย ในศูนย์บริการลูกค้าซัมซุงทั่วทั้งภูมิภาคให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ทั้งการรวมระบบบริการลูกค้าระดับโลกที่เรานำมาใช้แล้วในศูนย์บริการลูกค้าซัมซุงเกือบทุกแห่งทั่วภูมิภาค รวมไปจนถึงความตั้งใจที่จะเป็นศูนย์บริการแบบไร้กระดาษ

เพราะปัจจุบันเอกสารสำหรับลูกค้าที่เกี่ยวข้องการการซ่อมผลิตภัณฑ์ บันทึกการให้บริการ และใบเสร็จรับเงินจะส่งแบบอิเล็กทรอนิกส์คืนผ่านการส่งอีเมล์หรือข้อความให้ลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าในออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จะได้รับสมาร์ทโฟนที่ส่งซ่อมหรือตรวจสอบคืนในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างเช่นในออสเตรเลีย ลูกค้าจะได้รับสมาร์ทโฟนคืนในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลร้อยละ 96 และลูกค้ายังสามารถนำกล่องไปปรับใช้เป็นแท่นวางสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

ซัมซุง

ตั้งกล่อง Eco Boxes ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ ซัมซุงยังตั้งกล่อง Eco Boxes สำหรับรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ในศูนย์บริการลูกค้าซัมซุงขนาดใหญ่กว่า 180 แห่งตามเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย เช่น นครออกแลนด์, กรุงเทพฯ, กรุงกัวลาลัมเปอร์, กรุงมะนิลา และนครซิดนีย์

โดยกล่อง Eco Boxes ช่วยให้ลูกค้าสามารถทิ้งสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าเพื่อการรีไซเคิลอย่างถูกวิธีได้โดยสะดวกสบายเพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ลูกค้ายังสามารถเข้าร่วมโครงการ Eco Repair เพื่อเลือกซ่อมแซมผลิตภัณฑ์ซัมซุงโดยเปลี่ยนเพียงชิ้นส่วนที่เสียหายแทนการเปลี่ยนทั้งโมดูลได้

ในประเทศนิวซีแลนด์ ซัมซุงได้ร่วมมือกับบริษัทที่รับรีไซเคิลสินค้าเทคโนโลยีมีชื่อว่า Computer Recycling เพื่อนำทองคำ เงิน และธาตุโลหะอื่น ๆ ที่อยู่ในอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกทิ้ง ทั้งสมาร์ทโฟน ทีวี และตู้เย็น นำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อความร่วมมือนี้ยังครอบคลุมการรับขยะอิเล็กทรอนิกส์จากปาปัวนิวกินี และหมู่เกาะทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งฟิจิ ซามัว และตาฮิติ เพื่อนำมารีไซเคิลยังนครออกแลนด์

โครงการนี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีและซัมซุงสาขาประเทศนิวซีแลนด์กำลังวางแผนจะขยายขีดความสามารถของการรับรีไซเคิลภายใน 2 ปีข้างหน้า

นำอุปกรณ์เก่ามารีไซเคิล

ส่วนในประเทศสิงคโปร์ ซัมซุงได้เปิดตัวแคมเปญ Go Green, Go Galaxy เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาโครงการนี้จะมอบส่วนลดสำหรับสมาร์ทวอตช์ตระกูล Galaxy Watch5 และหูฟังไร้สาย Galaxy Buds Pro ให้กับลูกค้าที่นำสมาร์ทวอตช์ หรือหูฟังไร้สายรุ่นเก่านำมารีไซเคิลที่ถังรับขยะรีไซเคิลภายในร้านซัมซุง

โดยมอบหมายให้อัลบาซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้ให้บริการด้านการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ของซัมซุง เป็นผู้รวบรวมอุปกรณ์รุ่นเก่าต่าง ๆ เพื่อนำมาจัดการและรีไซเคิลอย่างถูกวิธี โดยวัตถุดิบที่ถูกนำออกมาจากอุปกรณ์รุ่นเก่า ๆ เหล่านี้ จะถูกนำกลับไปใช้ในจุดที่เหมาะสมเพื่อประกอบการผลิตอุปกรณ์ชิ้นใหม่

ซัมซุง

เสริมทักษะเยาวชนด้าน STEM

การให้ความรู้กับสาธารณชนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความสำคัญของความยั่งยืน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนในภูมิภาค ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่ออนาคต ซัมซุงให้ความรู้ผ่านกิจกรรมเพื่อเยาวชนมากมาย รวมถึงโครงการ Solve for Tomorrow ซึ่งเป็นการแข่งขันประจำปีสำหรับนักเรียนที่มุ่งเน้นทักษะด้านวิชาวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM)

การสร้างสรรค์นวัตกรรมมากมายเกี่ยวกับความยั่งยืนได้เกิดขึ้นจากโครงการ Solve for Tomorrow เช่นโครงการของนักเรียน Team Eco Warriors จากกรุงฮานอย เวียดนาม ที่ได้รางวัลของโครงการ Solve for Tomorrow ในประเภทนักเรียนมัธยมปลายเมื่อปีที่ผ่านมา โดยนักเรียนทีมนี้ได้พัฒนาเครื่องรีไซเคิลหน้ากากขึ้น เพื่อลดปริมาณหน้ากากใช้แล้วที่กลายเป็นขยะในช่วงการระบาดใหญ่ของโรค โดยเครื่องนี้จะหลอมหน้ากากพลาสติกที่ใช้แล้วเป็นหม้อพลาสติก

“ซัมซุงให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก เราทราบดีว่ากลยุทธ์ของซัมซุง เพียงแค่บริษัทเดียว ไม่ได้เป็นหนทางที่จะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ แต่ซัมซุงก็พร้อมจะลงมือทำเพื่อให้เราเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องโลกไว้ให้คนรุ่นหลังของเรา” ซังโฮ โจ กล่าวทิ้งท้าย