“อินทัช” ร่วมไทยนิยมยั่งยืน พัฒนาคุณภาพชีวิต-การศึกษา จ.เลย

ตลอดระยะเวลากว่า 35 ปีที่ผ่านมา บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นำแนวทางความรับผิดชอบต่อสังคมตามหลักการสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณค่าและประโยชน์ระหว่างภาคธุรกิจและสังคมควบคู่ไปพร้อมกัน ที่สำคัญกว่านั้น ยังน้อมนำแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น มาปฏิบัติผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด อินทัชและบริษัทในเครือร่วมสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นปฏิรูประบบการศึกษาเป็นปีที่ 2 ในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อการศึกษา ภายใต้โครงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของนักเรียนในโรงเรียนที่ด้อยโอกาสปี 2560 เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลมีโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง โดยปีนี้อินทัชสนับสนุนโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อการศึกษาแก่ 3 โรงเรียนในจังหวัดเลย

“พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง” รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการที่อินทัชนำศักยภาพของกลุ่มบริษัทมาช่วยพัฒนาโรงเรียนในปีที่แล้วเป็นปีแรกใน จ.น่าน จนประสบความสำเร็จ ปีนี้จึงร่วมกับสำนักงานรองนายกรัฐมนตรีดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นปีที่ 2 โดยขยายมาที่ จ.เลย โรงเรียนที่อินทัชได้เข้าไปช่วยเหลือในปีนี้ประกอบด้วย 3 โรงเรียน คือ โรงเรียนบ้านวังกกเดื่อ อำเภอวังสะพุง, โรงเรียนบ้านวังเลาหัวฝาย อำเภอเอราวัณ และโรงเรียนบ้านสวนปอ อำเภอภูหลวง

“โครงการดังกล่าวเป็นการทำงานแบบประชารัฐที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตของนักเรียนในโรงเรียนที่ด้อยโอกาสให้มีโครงสร้างพื้นฐานของโรงเรียนที่เหมาะสม ด้วยการดำเนินงานที่เข้าถึงความต้องการของนักเรียน สถานศึกษา และชุมชนอย่างแท้จริง โดยทางอินทัชจะเข้าสำรวจ พบปะชุมชน เพื่อสอบถามและสังเกตปัญหา จากนั้นมาหาวิธีแก้ไข”

ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมนโยบายของโครงการไทยนิยมยั่งยืนของรัฐบาล เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพราะโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อการศึกษาภายใต้โครงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของนักเรียนในโรงเรียนที่ด้อยโอกาส ช่วยให้นักเรียนมีคุณภาพชีวิตทั้งด้านสุขภาพอนามัย และหลักโภชนาการที่ดี นอกจากนั้น อินทัชยังนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษา มุ่งเน้นให้เกิดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ดีต่อการใช้ชีวิตของนักเรียน อันจะช่วยส่งเสริมให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต

“เอนก พนาอภิชน” รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เยาวชนคืออนาคตของชาติ หากโรงเรียนมีสาธารณูปโภคที่จำเป็นต่อการเรียนรู้อย่างเหมาะสม มีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศดีจะช่วยส่งเสริมคุณภาพของเยาวชนผ่านการเรียนการสอนภายในโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“เราประสานงานร่วมกับโรงเรียนและชุมชน เพื่อศึกษาถึงสิ่งที่ชุมชนขาดแคลน โดยรวบรวมได้ 4 ด้าน คือ หนึ่ง ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในโรงเรียน สอง พัฒนาทักษะความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ของเด็ก สาม ส่งเสริมสุขอนามัย สี่ ฝึกทักษะอาชีพให้แก่นักเรียน”

จากนั้นจึงจัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้นกว่า 3,300,000 บาท เพื่อให้นักเรียน ครูในโรงเรียนมีอุปกรณ์การเรียนและสื่อการเรียนการสอนที่ดี สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้เหมาะสมกับวัย รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาสภาพแวดล้อมโรงเรียนให้สะอาด น่าอยู่ น่าเรียนมากขึ้น เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนมีสุขอนามัยที่ดี เรียนรู้อย่างมีความสุข

“เอนก” อธิบายต่อว่า แต่ละโรงเรียนมีปัญหาต่างกัน โดยโรงเรียนบ้านวังกกเดื่อมีแนวโน้มนักเรียนลดลงเนื่องจากผู้ปกครองส่งบุตรหลานไปเรียนในเขตเมือง เนื่องจากอาคารเรียนมีสภาพเก่าชำรุดทรุดโทรม ไม่เอื้อต่อการเรียนการสอน อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนไม่เพียงพอ นอกจากนั้นยังประสบปัญหาน้ำท่วมเพราะโรงเรียนตั้งอยู่ในพื้นที่ลาดต่ำ และระบบกรองน้ำและตู้กดน้ำดื่มของนักเรียนชำรุด ไม่ได้มาตรฐาน

“เราจึงทำการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน ห้องน้ำ มอบโต๊ะเก้าอี้สำหรับนักเรียน สื่อการเรียนการสอน และคอมพิวเตอร์ ติดตั้งระบบกรองน้ำดื่มด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยประหยัดค่าไฟและเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมติดตั้งระบบ Internet of Things (IOT) เพื่อตรวจสอบปริมาณการผลิตน้ำและการใช้น้ำผ่านทางออนไลน์”

“โดยสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ความต้องการในการใช้น้ำของโรงเรียน และนำไปออกแบบระบบผลิตน้ำให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งาน ทำให้ไม่สิ้นเปลืองพลังงานในการผลิต นับเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ และวางแผนการใช้น้ำได้เป็นอย่างดี”

“โรงเรียนบ้านวังเลาหัวฝายประสบปัญหาถนนภายในโรงเรียนเป็นดินลูกรัง ดังนั้นในช่วงฤดูร้อนจะมีฝุ่นละอองทำให้นักเรียน ครู และบุคลากรภายในโรงเรียนมีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้, หอบหืด, โรคตาแดง ส่วนในช่วงฤดูฝนเกิดปัญหาน้ำเซาะพื้นผิว ถนนมีโคลน ยากลำบากต่อการสัญจร และมักจะเกิดอุบัติเหตุจากสภาพพื้นผิวถนน เราจึงสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กระยะทาง 383 เมตร ซึ่งหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จพบว่าช่วยลดปัญหามลพิษ นักเรียนและครูมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถเดินทางไป-กลับโรงเรียนได้อย่างสะดวกปลอดภัย”

ในขณะที่อาคารสถานที่ของโรงเรียนบ้านสวนปอ “เอนก” บอกว่า มีสภาพเก่าชำรุดทรุดโทรม ขาดแคลนสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน เราจึงจัดหาอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน และปรับปรุงสนามเด็กเล่น เพื่อเปิดพื้นที่การเรียนรู้ให้เด็ก ๆ ฝึกทักษะสมอง สมาธิ ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่ไม่เพียงจะช่วยส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระ ยังเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กได้ดียิ่งขึ้นด้วย

“เรายังคงร่วมกับภาครัฐในการปฏิรูประบบการศึกษาในโครงการนี้ในปีต่อ ๆ ไป แต่นอกจากนั้น อินทัชยังมีการส่งเสริม และสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนโครงการอื่น เช่น การมอบทุนการศึกษาแบบให้เปล่าแก่นักเรียนที่มีความประพฤติดี ผลการเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ มอบทุนสำหรับครูผู้สอนที่มีความมุ่งมั่น เสียสละ และตั้งใจประกอบอาชีพ ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนการพัฒนาการเรียน การสอนให้เกิดประสิทธิภาพ รวมทั้งสนับสนุนทุนแก่โรงเรียน โดยพิจารณาตามความเหมาะสม และนับตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบันมีการมอบทุนการศึกษาไปแล้วกว่า 600 ทุน ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 7 ล้านบาท”

นับว่าโครงการนี้มีส่วนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา คุณภาพชีวิตในชุมชนที่ตรงกับความต้องการของชุมชนในพื้นที่ห่างไกล จนทำให้คนในชุมชนมีโอกาสเข้าถึงการเรียนการสอนที่ทันสมัย พร้อมทั้งมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง เพื่อจะได้พัฒนาคุณภาพทางการศึกษาให้ครอบคลุมทุกด้านอย่างยั่งยืนต่อไป