Mobility Program “ดีลอยท์” สร้าง “คนเก่ง” เรียนรู้งานทั่วโลก

การดำเนินธุรกิจที่ใช้บุคลากรในการขับเคลื่อน ปัจจัยความสำเร็จของแบรนด์ที่แข็งแกร่งอย่างดีลอยท์ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาด้านตรวจสอบบัญชี ภาษี และที่ปรึกษาธุรกิจระดับโลก จึงอยู่ที่บทบาทของการให้คำปรึกษา และความสามารถในการให้คำปรึกษาทางธุรกิจให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยท่ามกลางแนวโน้มปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่เป็น “คนเก่ง” จึงถือเป็นโจทย์ท้าทายอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ “ดีลอยท์” ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาศักยภาพคน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญอย่างยิ่ง

ปัจจุบัน ด้วยจำนวนพนักงานทั้งหมดกว่า 1,200 คน ดีลอยท์จึงวางเป้าหมายการสร้างคนคุณภาพในทุก ๆ สายการบริการที่ให้กับลูกค้า ภายใต้กลยุทธ์ 4 ข้อ คือ ความเป็นผู้นำ, การเติบโตในสายอาชีพ, ทำให้คนเกิดความภาคภูมิใจในงานที่ทำ และสร้างประสบการณ์องค์กรที่ดูแลคนเก่งอย่างมีประสิทธิภาพ

“Mobility Program” จึงเป็นโครงการที่มอบโอกาสให้พนักงานที่มีความสามารถเดินทางไปทำงานแลกเปลี่ยนยังสำนักงานของดีลอยท์ที่ตั้งอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการนี้ดีลอยท์ ประเทศไทย ทำมาอย่างต่อเนื่องกว่า 40 ปี นอกจากจะสามารถสร้างคนเก่งที่ตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว ยังช่วยให้ดีลอยท์ได้มาซึ่งพนักงาน ทีมผู้บริหารที่ดีที่เป็นกำลังหลักขององค์กรในปัจจุบันและอนาคต

การเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ยังถือเป็นโอกาสดีในการพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ (high performers) ที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้นำขององค์กรในอนาคต (future leaders) ทั้งนี้ผู้ที่ได้ผ่านโครงการ Mobility Program ยังคงได้รับการพัฒนา และได้รับโอกาสในการทำงานกับผู้เชี่ยวชาญของดีลอยท์ในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

จึงทำให้มีความก้าวหน้าในสายอาชีพจนกลายเป็นผู้บริหารระดับสูงของดีลอยท์ ดังนั้น พนักงานที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมในโครงการจะได้รับการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านองค์ความรู้ (technical knowledge) ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (technology & innovation)

นอกจากนี้ ยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในต่างประเทศที่มีสภาพแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม และภาษาที่แตกต่างกัน โดยมีการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆดีลอยท์จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จนเกิดเน็ตเวิร์กในการทำงานสำหรับอนาคต

“ชวาลา เทียนประเสริฐกิจ” เริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยผู้สอบบัญชี และได้รับการพัฒนา และสนับสนุนในการทำงานตลอดมาจนได้เป็นผู้จัดการด้านการสอบบัญชี (manager-audit & assurance services) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งพาร์ตเนอร์ด้านการสอบบัญชี (partner-audit & assurance services) ในระหว่างที่เป็นผู้จัดการด้านการสอบบัญชีได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการ Mobility Program

โดยเดินทางไปทำงานที่ดีลอยท์ เมืองพอร์ตแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1998-2000 ทำให้ได้ทำงานตรวจสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เรียนรู้การทำงานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก ทั้งในเรื่องมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบการควบคุมคุณภาพ และการปฏิบัติงานในมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา จึงทำให้ในวันนี้เขาสามารถนำความรู้มาต่อยอดการให้บริการกับลูกค้าในประเทศไทย

“ปัจจุบันลักษณะองค์กรที่เป็น global firm เช่นเดียวกับดีลอยท์จะมีการเติบโตไปพร้อม ๆ กับลูกค้า ซึ่งดีลอยท์เองมีการขยายองค์กรไปในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสำนักงานมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรองรับการเติบโตของลูกค้า การใช้เครื่องมือเดียวกันทั่วโลก (one firm one methodology) และ Mobility Program จะช่วยให้การปรับวิธีการทำงานในมาตรฐานการทำงานเดียวกันทั่วโลกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากมาตรฐานการทำงานจากบุคลากรของดีลอยท์ที่มีคุณภาพ และมีความรู้ความสามารถที่ไม่แตกต่างกันทั่วโลก”

“ดร.กัญชรัตน์ ไทยดำริ” พาร์ตเนอร์ด้านที่ปรึกษาภาษี หนึ่งในผู้บริหารที่มีโอกาสร่วมโครงการโดยได้เดินทางไปร่วมงานดีลอยท์สาขาชิคาโก สหรัฐอเมริกา ระหว่างปี 2004-2005 ซึ่งในช่วงดังกล่าวประเด็นการกำหนดราคาโอน หรือ transfer pricing ยังเป็นเรื่องใหม่ เนื่องจากประเทศไทยเพิ่งมีกฎหมายดังกล่าวออกมา และเป็นเรื่องภาษีระหว่างประเทศที่ค่อนข้างมีลักษณะเฉพาะ

การเข้าร่วมโครงการจึงทำให้มีโอกาสไปเรียนรู้ ทั้ง technical know how และการดำเนินธุรกิจของลูกค้าผ่านการสัมภาษณ์ผู้บริหาร และเยี่ยมชมฐานการผลิตทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป สามารถนำความรู้และประสบการณ์มาพัฒนามาตรฐานการให้บริการของทีมงาน เพื่อปรับใช้กับลูกค้าในไทยอย่างมีประสิทธิภาพ

“จนถึงวันนี้ดิฉันเชื่อมั่นว่า Mobility Program เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการเพิ่มขีดความสามารถของคนในองค์กร เพื่อตอบสนองลูกค้า ทั้งยังให้ความสำคัญกับโปรแกรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ดีลอยท์พัฒนาไปถึงขั้นส่งคนเข้าไปนั่งทำงานเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทลูกค้าในลักษณะ exchange program ที่ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การสนับสนุนของดีลอยท์ (ประเทศญี่ปุ่น)”

“เนื่องจากจำนวนลูกค้าญี่ปุ่นในประเทศไทยมีจำนวนสูงมาก ดังนั้น การมีโอกาสเข้าไปเรียนรู้ และทำงานกับบริษัทแม่ของลูกค้าที่ญี่ปุ่นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อผ่านโครงการแล้ว จะช่วยให้มีความเข้าใจวัฒนธรรม และการทำงานลูกค้าญี่ปุ่นลึกซึ้งมากขึ้น ทั้งยังสามารถสร้างความไว้วางใจ และเชื่อมั่นเป็นอย่างดี”

“ปพิชญา เลิศศิริกรณ์” หนึ่งในทีมดีลอยท์ที่ทำงานร่วมกับลูกค้าญี่ปุ่น ซึ่งเธอไม่เพียงเรียนรู้งานของลูกค้าในมิติต่าง ๆ รวมทั้งวัฒนธรรมคนญี่ปุ่นในการปฏิบัติตัวในที่ทำงาน หากเธอยังเรียนรู้เทคนิคการติดต่องานกับลูกค้าญี่ปุ่น จนทำให้มีมุมมองใหม่ต่อการทำงาน โดยเฉพาะภาพธุรกิจที่กว้าง และลึกมากขึ้น จนนำมาปรับใช้กับลูกค้าญี่ปุ่นในประเทศไทยเป็นอย่างดี

ที่ไม่เพียงจะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากขึ้น จนทำให้ปีนี้ดีลอยท์วางแผนจะส่งทีมงานเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นถึง 5 คน โดยความสำเร็จดังกล่าวยังนำมาซึ่งการขยายโครงการแลกเปลี่ยนในอนาคตกับประเทศจีนต่อไปด้วย

“เพราะความท้าทายของโลกธุรกิจสมัยใหม่คือความสามารถในการให้บริการระดับคุณภาพที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า การรักษาความเป็นมืออาชีพในการให้บริการ การคงสถานภาพผู้นำตลาด และการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการมีบุคลากรที่ดีเยี่ยม ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมาโดยตลอด”

ถึงแม้เศรษฐกิจในปัจจุบันจะมีความผันผวนอย่างไร ดีลอยท์ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านบุคลากร และนวัตกรรมใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการทำงานร่วมกัน

โดยมีเป้าหมายเพื่อบริการอันเป็นเลิศนั่นเอง