10 เทรนด์ HR โลก

คอลัมน์ เอชอาร์คอร์เนอร์ โดย พิชญ์พจี สายเชื้อ

ผ่านไปเกือบครึ่งปีแล้วนะคะ เราลองมาดูกันว่าแนวโน้มด้าน HR สำหรับปีนี้มีอะไรบ้าง และมีอะไรที่เรานำมาใช้แล้ว หรือถ้ายังไม่ใช้วันนี้จะได้วางแผน หรือเริ่มคิดว่าจะใช้มั้ย ใช้แค่ไหนอย่างไรดีนะค่ะ โดยแนวโน้มด้าน HR ของ SHRM (เป็นหน่วยงานด้าน HR ที่มีชื่อเสียงระดับโลก) มี 10 เรื่องดังนี้

1.การหาคนเก่ง (talent) ที่ใช่ (find the right talent) การหาคนเก่งที่ใช่ทำได้หลายวิธี ปกติจะใช้แนวทาง
3 B ค่ะ คือ B ที่ 1 – Buy (การหาคนจากภายนอก ซึ่งมีข้อดีคือ มีทางเลือกค่อนข้างมาก แต่สำหรับตลาดแรงงานไทย ในบางงานจะมีการแย่งตัวกันสูง เช่นงานที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล งานกลยุทธ์ HR เป็นต้น ส่วนข้อเสียคือ การปรับเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรอาจเป็นประเด็นสำหรับการหาคนจากภายนอก)

B ที่ 2 – Build (คือการสร้างคนจากภายใน ข้อดีคือ จะฟิตกับวัฒนธรรมองค์กรอยู่แล้ว ข้อเสียคือ อาจหาคนที่มีศักยภาพภายในได้ไม่ตรงกับที่ต้องการ) สุดท้าย B ที่ 3 คือการ Borrow (คำนี้เป็นคำค่อนข้างใหม่ หมายถึงการจ้างงานชั่วคราว ไม่ว่าจะในรูปแบบการทำสัญญาจ้าง การจ้าง freelance หรือการ partner กับคู่ค้า ซึ่งข้อดีคือ ไม่ต้องมีต้นทุนตายตัว จ่ายเฉพาะเมื่อต้องการใช้งาน หรือที่เรียกว่า pay-on-demand ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ในการจ้างงาน)

2.การพัฒนา และปรับเปลี่ยนทักษะพนักงานอย่างเร่งด่วน และหนักหน่วง (upskills, reskills) ผลจากการปรับเปลี่ยนมากมายโดยเฉพาะการนำ AI มาใช้ในองค์กรมากขึ้นเรื่อย ๆ (ประมาณการว่าภายใน 20 ปีข้างหน้าจะมีงานที่หายไปมากกว่า 20% และจะมีงานเกิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยมาแทน) จึงทำให้องค์กรต้องปรับเปลี่ยนงาน ดูว่างานไหนใช้ AI ได้ จะได้ประหยัดต้นทุน งานไหนที่ยังจำเป็นต้องใช้คน แล้วงานที่เหลืออยู่คนจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทักษะอย่างไรให้พร้อมรองรับความเปลี่ยนแปลงได้

ซึ่งเรากำลังพูดถึงการปรับเปลี่ยนทักษะอย่างมากนะคะ (เช่น ต้องมีทักษะ ความรู้ในเรื่องดิจิทัลทั้งหลาย ต้องเปลี่ยน mindset ให้เป็นระดับโลกให้ได้ ต้องมีทักษะในการคิดวิเคราะห์หาทางเลือกมากกว่าหนึ่ง เป็นต้น)

จากรายงานล่าสุดของ SHRM พบว่าต่อไปการปรับเปลี่ยนทักษะพนักงานอย่างน้อย 15-20 เท่า จะเป็นเรื่องปกติสำหรับพนักงานที่เป็นมิลเลนเนียล หน้าที่งาน HR ที่จะเพิ่มความสำคัญขึ้นคือ งาน learning and development ซึ่งเป็นตัวขับหลักในเรื่องนี้นะคะ

3.การเรียนรู้ออนไลน์ (online learning) ในเมื่อมีการปรับเปลี่ยนทักษะอย่างมหาศาล การเรียนรู้ออนไลน์ จึงเป็นเทรนด์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่ทำอะไร ๆ ทางออนไลน์หมดแล้ว การเรียนหนังสือออนไลน์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขาจะนิยมทำ (กว่าการเรียนในคลาส)

4.การใช้ HR chatbots บอตคือการใช้โปรแกรมอัตโนมัติสำหรับทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งย่อมาจากโรบอต (robot) แปลว่าหุ่นยนต์ โดยบอตที่เราจะพูดถึงในวันนี้ถูกออกแบบให้ทำงานในโปรแกรมเมสเซนเจอร์ โดยทำหน้าที่ตอบคำถาม หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ตามที่ได้รับการตั้งโปรแกรมขึ้นมา แล้วยังมีบอตอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่จำลองการสนทนากับผู้ใช้ โดยมีทั้งที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังพูดคุยกับคู่สนทนาที่เป็นมนุษย์จริง ๆ หรือให้ผู้ใช้เลือกบทสนทนาตามที่โปรแกรมกำหนดให้

การใช้ HR chatbots มักใช้สำหรับการตอบข้อมูลพนักงาน มีรายงานว่า HR ใช้เวลามากกว่า 40% ไปกับการให้ข้อมูล หรือชี้แจงกับพนักงานในเรื่องต่าง ๆ การนำ HR chatbots มาใช้จะประหยัดเวลาและต้นทุนของ HR ไปได้มาก

5.การจ้างงานแบบยืดหยุ่น (flexible work arrangement) การจ้างงานจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อให้เหมาะกับทุกความต้องการของพนักงาน เช่น พนักงานรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการเดินทาง ไม่ต้องการทำงานเต็มเวลา อยากมีเวลาขายของออนไลน์ด้วย หรือพนักงานที่เป็นคุณแม่ ต้องการเวลาดูแลลูก แต่ยังอยากได้เงินเดือน หรือพนักงานอาวุโสที่เกษียณอายุ แต่ที่มีความรู้ความสามารถที่องค์กรยังพัฒนา หรือหามาทดแทนไม่ได้ เป็นต้น

การจ้างงานจึงต้องปรับให้เหมาะสมกับความต้องการทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานแบบ part-time แบบสัญญาจ้างงาน แบบทำงานที่บ้าน แบบเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น เป็นต้น ทราบมั้ยคะว่า มีรายงานบอกว่าภายในปี 2020 พนักงานที่ไม่ทำงานประจำในสหรัฐอเมริกาจะมีมากถึง 40% ของพนักงานทั้งหมด

6.การสร้างความประทับใจให้กับพนักงาน (employee experiences) คือต่อไปเราจะไม่พูดกันแค่การสร้างความผูกพันกับพนักงานนะคะ แต่เราจะพูดกันว่าจะสร้างความประทับใจให้เกิดแก่พนักงาน ให้พนักได้รู้สึกถึงประสบการณ์ในการทำงานกับเราได้อย่างไร เหมือนการตลาดเวลาขายของเขาจะพูดว่าจะสร้าง customer expericencs อย่างไร

ในวงการ HR ก็เหมือนกันค่ะ เราควรจะทรีตพนักงานเป็นลูกค้าของเราเช่นกัน และสร้างประสบการณ์ในการทำงานที่ดีให้กับพนักงาน

7.การสร้างผู้นำที่มีความเป็นสากล (global leader) ผู้นำในอนาคตต้องมีแนวคิดที่เป็นสากล หรือที่เรียกว่า globality mind-set คือสามารถนำเทรนด์ หรือความรู้ในระดับสากลมาปรับใช้กับงานที่ตัวเองต้องทำได้ นอกจากนี้ ผู้นำในอนาคตต้องมี competency หรือสมรรถนะ ให้สอดคล้องกับโลกที่ปรับเปลี่ยนไป เช่น ความรู้ในเรื่องดิจิทัลต่าง ๆ การสร้างสัมพันธ์รอบด้าน (360 องศาเลย) เป็นต้น

8.ให้ความสำคัญกับชุมชน (community focus) เทรนด์ที่เกิดขึ้นคือ การที่องค์กรจะให้ความสำคัญกับชุมชนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชุมชนด้านสภาพแวดล้อม ด้านการศึกษา โลกร้อน หรืออื่น ๆ เนื่องจากองค์กรในปัจจุบันจะไม่ใช่องค์กรที่ทำธุรกิจในปัจจุบันเท่านั้น แต่จะต้องมองในเรื่องความยั่งยืนด้วย HR จึงมีหน้าที่ที่จะทำอย่างไรที่จะให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวและนำมาลิงก์กับการทำงานของพนักงานให้ได้

9.การใช้ AI ในงาน HR (AI in HR) ที่สำคัญที่สุดคือการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยในการตัดสินใจ โดยให้ AI ช่วยในการประมวลผลตัวเลขออกมาเป็นผลลัพธ์เพื่อแนะนำแนวทางในการตัดสินใจของ HR ซึ่งคือการทำ HR analytic ที่กำลังเป็นเทรนด์ที่ฮิตในหมู่ HR แต่อย่าลืมนะคะว่าการที่ HR จะทำการวิเคราะห์ได้ดีต้องมีการ reskills และ upskills HR อย่างหนักหน่วงด้วยนะคะ

10.การประเมินผลพนักงานอย่างต่อเนื่อง (confinuouse performance management) การประเมินผลต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การประเมินประจำปี

หรือทุกครึ่งปี HR ต้องทำให้การประเมินผลเป็น on-going process ให้ได้ เนื่องจากพนักงานที่เป็นคนเก่งหรือ talent เขาต้องการการพัฒนา และ feedback ตลอดเวลา HR ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของหัวหน้างานในการให้ feedback การให้ coaching พนักงาน เป็นต้น

ดิฉันหวังว่าข้อมูลเทรนด์ข้างต้นคงเป็นแนวทางให้ HR ในการนำไปปรับใช้ได้ (แม้ไม่ทั้งหมด) แต่ในความเห็นส่วนตัวสำหรับเมืองไทย

เทรนด์ที่น่าสนใจคือ เรื่องการหา talent แบบ borrow โดยมีการจ่ายเฉพาะเมื่อจ้างงาน (pay-on-demand) ซึ่งการจ้างงานต้องมีความยืดหยุ่นสูง และปรับได้ตามความต้องการขององค์กร และพนักงาน

ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องนำ AI มาช่วยในการทำงานด้าน HR รวมทั้งการ reskills และ upskills พนักงานอย่างเร่งด่วน และหนักหน่วงผ่าน online training ด้วยค่ะ