ต้องรู้แผนบริษัท ก่อนทำแผน HR

แฟ้มภาพ

คอลัมน์ เอชอาร์คอร์เนอร์

โดย ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ http://tamrongsakk.blogspot.com

มีคำถามมาจากคนที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง HR manager ว่า “MD สั่งให้ HR ทำแผนกลยุทธ์ด้านคนมานำเสนอว่า ในปีหน้า HR จะมีแผนอะไรบ้าง” เขาเลยถามผมว่า ผมมีหลักสูตรอะไรบ้างที่จะสอนให้เขามีความรู้เกี่ยวกับ HR เพื่อจะได้ทำแผนได้ตามที่ MD สั่งมา

อ้อ…คนที่ถามผมมานี่ ไม่เคยทำงานด้าน HR มาก่อนเลยนะครับ แต่ MD เพิ่งจะแต่งตั้งให้เขามาเป็น HR manager

ผมก็เลยตอบเขาไปตามประสาของผม คือ

1.หลักสูตรที่สอนให้ความรู้ในงาน HR น่ะมีอยู่ครับ และมีทั่วไป ตั้งแต่การสอนแบบเข้าคอร์สฝึกอบรมในหน้าที่งานของ HR ต่าง ๆ เช่น การสรรหาคัดเลือก, การสัมภาษณ์, การวางแผนกำลังคน, การบริหารค่าจ้างเงินเดือน, การประเมินผลการปฏิบัติงาน, การพัฒนาพนักงาน, แรงงานสัมพันธ์ ฯลฯ มีไปจนถึงหลักสูตรระดับปริญญาเอกด้าน HR ที่จัดโดยบริษัท, สถาบันต่าง ๆ  ซึ่งคนที่ไม่มีพื้นความรู้ด้าน HR มาก่อน ก็สามารถไปลงเรียนรู้ได้แค่เสิร์ชเข้าไปหาดูในกูเกิลเท่านั้น

2.ระยะเวลาที่เรียนรู้ต่างกันไปตามแต่วัตถุประสงค์ของคนเรียนว่า อยากจะเรียนรู้เรื่องอะไร, มีเวลาแค่ไหน, มีงบประมาณเท่าไร, ต้องการใบประกาศนียบัตร วุฒิบัตร ใบปริญญาระดับไหน ซึ่งมีระยะเวลาการเรียนรู้ตั้งแต่ 1 วันไปจนถึงหลายปี

3.การเรียนรู้จากการฝึกอบรม หรือเรียนให้ห้องเรียน ยังไม่ได้ทำให้เกิด “ทักษะ” จริง ทักษะความเข้าใจที่แท้จริงต้องมาจากการ “ปฏิบัติ” ลงมือทำด้วยตัวเอง โดยนำ “ความรู้” ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ในงานที่ลงมือทำจริง

เหมือนการหัดขับรถนั่นแหละครับ ต่อให้เรียนรู้วิธีการขับรถจากหนังสือ จากห้องเรียนมามากแค่ไหน ถ้าไม่ได้ลงนั่งหลังพวงมาลัยแล้วสตาร์ตเครื่องเหยียบคันเร่งออกไป ก็จะไม่มีวันที่จะขับรถเป็นได้จริงหรอก และเมื่อขับรถไปเรื่อย ๆ ก็จะมีทักษะการขับรถเพิ่มขึ้นจากการลงมือปฏิบัติจริงเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ

4.แม้ว่าจะได้เรียนรู้และลงมือทำงาน HR จริง จนมีความเก่งความเชี่ยวชาญในงาน HR แล้วก็ตาม แต่ถ้า MD สั่งให้ทำแผนกลยุทธ์ด้านคนนำเสนอมา ผมก็คงจะต้องถาม MD กลับไปก่อนว่า “อยากจะขอทราบแผนกลยุทธ์ของบริษัทเสียก่อนว่า บริษัทมีแผนกลยุทธ์ในปีหน้าอย่างไร ฝ่าย HR จะได้มีข้อมูลกลับไปทำแผนงานด้านคนให้สอดคล้องกับแผนงานของบริษัท”

5.ถ้า MD ยังไม่บอกว่าแผนงานของบริษัทในปีหน้าคืออะไร แล้วให้ HR ไปทำแผนของตัวเองมาเสนอ ก็เปรียบเสมือนกับครูมาบอกให้นักเรียนทำรายงานเนื้อหาทั้งหมดที่เรียนมาส่ง โดยที่ครูยังไม่ได้สอนอะไรเลย !!

ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ผู้ถามคิดตามว่า บริษัทก็เปรียบเสมือนกับเรือลำหนึ่ง MD เปรียบเสมือนกัปตันเรือ HR ก็เปรียบเสมือนลูกเรือคนหนึ่งในเรือที่มีหน้าที่คอยสนับสนุนคนอื่น ๆ ในเรือ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย, ฝ่ายผลิต, ฝ่ายการตลาด, ฝ่ายจัดซื้อ, ฝ่ายธุรการ, ฝ่ายควบคุมคุณภาพ, ฝ่ายซ่อมบำรุง, ฝ่ายบริการลูกค้า ฯลฯ และแต่ละฝ่ายที่ผมบอกมาก็มีหน้าที่ของตัวเอง เช่นเดียวกับ HR ในขณะที่ฝ่ายอื่น ๆ เปรียบเสมือนลูกเรือในเรือลำนี้ที่มี MD เป็นกัปตันเรือ

6.ถ้ากัปตันเรือ (MD) ไม่บอกกับลูกเรือว่าเรือลำนี้จะมุ่งหน้าไปทิศไหน จุดหมายปลายทางคือที่ใด ห่างไปจากเรือลำนี้กี่ไมล์ทะเล จะไปที่จุดหมายปลายทางเพื่อภารกิจใด ฯลฯ แม้ลูกเรือแต่ละคนจะเก่งในหน้าที่ของตัวเองแค่ไหนก็ตาม พอกัปตันเรือสั่งให้ลูกเรือแต่ละคนไปทำแผนงานของตัวเองมานำเสนอ ลูกเรือแต่ละคนก็จะคิดถึงแต่หน้าที่ในงานที่ตัวเองถนัด

แต่ลูกเรือทุกคนก็ไม่ได้รู้ทิศทาง,จุดหมายปลายทางที่เรือจะมุ่งไป ทำให้แผนงานของลูกเรืออาจไม่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของเรือลำนี้ และมีโอกาสจะเกิดความขัดแย้งในการทำงานระหว่างลูกเรือแต่ละคนด้วย

ยกตัวอย่าง เช่น กัปตันต้องการจะให้เรือลำนี้มุ่งหน้าทิศเหนือ แต่ไม่บอกให้ลูกเรือรู้ ลูกเรือบางคนก็อาจจะพายไปทางทิศตะวันออก บางคนก็พายไปทางทิศใต้ แถมพายกันอย่างเต็มที่เต็มกำลังฝีมือที่มี ลูกเรือก็จะทะเลาะกันเพราะแต่ละคนไม่เห็นเป้าหมายหลักร่วมกัน เนื่องจากกัปตันไม่ได้บอกใคร

จากที่บอกมานี่แหละครับ คือ ปัญหาของหลายบริษัทในวันนี้ ที่ไม่เคยมีการประชุม business plan ร่วมกันเลย แต่ละหน่วยงานต่างก็ทำงานของตัวเองกันไป ตามความเข้าใจของตัวเอง

ซึ่งหลายครั้งการทำงานก็ขัดแย้งกันเอง และขัดแย้งกับทิศทางที่บริษัทต้องการจะมุ่งไป ดังนั้น ผมจึงแนะนำให้ HR manager มือใหม่คนนี้กลับไปถาม MD เสียก่อนว่า ตัว MD มีแผนกลยุทธ์ของบริษัทแล้วหรือยัง ถ้ามีแล้วได้แจ้งให้บรรดาฝ่ายต่าง ๆ ได้ทราบแล้วหรือยัง หรือจะมาประชุมร่วมกันเพื่อทำแผนของบริษัทร่วมกันก่อนก็ได้

เมื่อทุกหน่วยงานรู้แล้วว่าแผนหลักของบริษัทเป็นอย่างไร แล้วค่อยกลับไปทำแผนงานของตัวเองกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้แต่ละฝ่ายรู้และเข้าใจตรงกันว่า แผนของฝ่ายอื่นสอดคล้องหรือขัดแย้งกับแผนงานของฝ่ายเราหรือไม่

ก็ได้แต่แนะนำในเบื้องต้นไปอย่างนี้ แต่ไม่ทราบว่าผู้ถามจะไปคุยกับ MD ได้สำเร็จหรือไม่ ก็เลยอยากจะเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อคิดสำหรับคนที่กำลังเจอโจทย์เดียวกับผู้ถามรายนี้ เผื่อจะมีประโยชน์และมีไอเดียไปคุยกับฝ่ายบริหารต่อไปครับ