เอสซีจี และ MCL ผนึกโรงพยาบาลบ้านแพ้ว เดินหน้าโครงการ Sharing a Brighter Vision ต่อเนื่องปีที่ 4

เอสซีจี และ Mawlamyine Cement Limiter (MCL) ร่วมกับโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) จัดโครงการ Sharing a Brighter Vision 2018 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 บรรเทาอาการสายตามืดมัวจากการเสื่อมของเลนส์ตา อุปสรรคหลักในการใช้ชีวิตของชาวเมียนมา

โดยปีนี้ได้ให้การผ่าตัดแก่ผู้ป่วยโรคต้อกระจกตาในพื้นที่เมืองเมาะลำไย รัฐมอญ จำนวน 148 คน และขยายการรักษาไปยังผู้ป่วยเมืองผะอัน รัฐกะเหรี่ยง อีกจำนวน 97 คน รวมทั้งสิ้น 245 คน และที่ผ่านมาได้ช่วยรักษาผู้ป่วยไปแล้วกว่า 622 คน เพื่อให้กลับมามองเห็นและใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง

“ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย” ประธานกรรมการกิจการสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีมุ่งมั่นและทุ่มเทดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ เพื่อสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเติบโตของธุรกิจ ตลอดจนเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งในประเทศ และทั่วทั้งภูมิภาค โดยคำนึงถึงความต้องการของชุมชนในพื้นที่เป็นหลัก และอาศัยการมีส่วนร่วมของพนักงาน ภาครัฐ และชุมชนรอบพื้นที่การดำเนินธุรกิจของเอสซีจีเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรม เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความยั่งยืน

“โครงการ Sharing Brighter Vision 2018 นี้ นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง รัฐบาลของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ชุมชน อาสาสมัครนักเรียนทุน Sharing the Dream พนักงานเอสซีจีและเอ็มซีแอล ตลอดน Mawlamyine General Hospotal และ Hpa-An Ge3neral Hospotal ร่วมผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จราบรื่นอย่างต่อเนื่อง”

สำหรับ โครงการ Sharing a Brighter Vision 2018 นี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2558 โดยยังคงได้รับความร่วมมืออย่างดีจากคณะจักษุแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญกว่าโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ที่ได้ทุ่มเทกำลังอย่างสุดความสามารถในการรักษาผู้ป่วยโรคต้อกระจกตา เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ป่วยโรคต้อกระจกตาให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และไม่เป็นภาระกับครอบครัว

นอกจากนี้ เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของดวงตา เอสซีจียังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันโรคต้อกระจกตา และการดูแลรักษาดวงตาอย่างถูกวิธีในประเทศเมียนมาผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต รวมถึงเชิญชวนให้ชาวเมียนมาได้ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การดูแลคนใกล้ตัวที่มีปัญหาโรคตาผ่านสังคมออนไลน์ด้วยแฮชแท็ก #SharingAlinn (แบ่งปันแสงสว่าง)

ด้าน “นพ.พรเทพ พงศ์ทวิกร” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์กรมหาชน) กล่าวเสริมว่า “จากข้อมูลสถิติของทางการเมียนมาชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันชาวเมียนมาป่วยเป็นโรคต้อกระจกตากว่า 1,800,000 คน คิดเป็นอัตราส่วนกว่า 4% จากจำนวนประชากรทั้งหมด

โดยในรัฐมอญมีผู้ที่เสี่ยงต่อการมีปัญหาโรคตาจำนวน 53,000 คน จากประชากรกว่า 2,055,000 คน ส่วนในรัฐกะเหรี่ยงมีผู้ที่เสี่ยงต่อการมีปัญหาโรคตาจำนวน 31,000 คน จากประชากรกว่า 1,432,000 คน ซึ่งโรคต้อกระจกเกิดจากความเสื่อมของเลนส์ตา ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการสายตามืดมัว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสี่ยงต่อภาวะตาบอดได้ โดยการรักษาโรคต้อกระจกที่ดีที่สุดคือ การผ่าตัดและใส่เลนส์แก้วตาเทียมให้กับผู้ป่วย

ในครั้งนี้ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของโรงพยาบาลบ้านแพ้วได้ทำการคัดกรองผู้ป่วยที่ Hpa-An General Hospotal เมืองผะอัน รัฐกะเหรี่ยงก่อน และส่งตัวผู้ป่วยที่มีภาวะการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน พร่าเลือน ตรงตามข้อระบุที่ได้วินิจฉัยไว้แล้ว เข้ารับการผ่าตัดที่ Mawlamyine Gereral Hospital จากนั้น เริ่มคัดกรองผู้ป่วยที่เมืองเมาะลำไย และให้การผ่าตัดผู้ป่วยจากทั้ง 2 เมืองด้วยเครื่องสลายต้อกระจกที่ทันสมัย พร้อมใช้แลนส์แก้วตาเทียมคุณภาพสูงแทนเลนส์แก้วตาเดิม โดยใช้เวลาในการผ่าตัดเฉลี่ยประมาณ 12 นาทีต่อคน หลังจากพักฟื้น จักษุแพทย์จะเปิดดวงตาเพื่อตรวจเช็กอาการ รวมทั้งในคำแนะนำด้านการปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อและให้แผนสมานเร็วขึ้น โดยใช้เวาลาในการดำเนินการทั้งสิ้น 4 วัน”

นอกจากนี้ เอสซีจียังได้บริจาคเครื่องผ่าตัดตาต้อ Phacoemulsification (Phaco) Machin ให้กับ Mawlamyine General Hospital ในปี 2559 เพื่อช่วยให้จักษะแพทย์สามารถผ้าตัดผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยกับผู้ป่วยถิ่นขึ้น รวมทั้งช่วยลดระยะเวลาในการผ่าตัดให้สั้นลงอีกด้วย