ปีนี้เป็นปีที่จ๊อบไทย (JobThai) ผู้ให้บริการเป็นสื่อกลางระหว่างองค์กร และผู้หางานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ภายใต้บริษัท ทิงค์เน็ต จำกัด เดินทางมาถึงปีที่ 19 ทั้งยังเป็นปีสำคัญ เพราะมีการเปิดโฉมองค์กรใหม่ ใช้โลโก้ใหม่ เพื่อสื่อถึงความสนุก ทันสมัย และเดินหน้ายกระดับการให้บริการด้วยการสร้างจ๊อบไทย โมบาย แอปพลิเคชั่น (JobThai Mobile Application) เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ครอบคลุมคอนเทนต์คุณภาพแบบเจาะลึก เพื่อช่วยเติมเต็มและตอบโจทย์ชีวิตคนทำงาน
“แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์” ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการ จ๊อบไทย (JobThai) กล่าวว่า การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดจากการที่เรามีผู้ฝากประวัติ และจำนวนลูกค้าองค์กรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับพฤติกรรมของคนหางานที่เปลี่ยนไป เราจึงเล็งเห็นว่าเราต้องปรับตัว และเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างในองค์กร รวมถึงการปรับภาพลักษณ์ และโลโก้ใหม่ในรอบ 19 ปี
“ภาพลักษณ์และโลโก้ใหม่ถูกออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นว่า จ๊อบไทยเป็นแบรนด์เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการให้บริการคุณภาพ เข้าถึงง่าย และคำนึงถึงผู้ใช้งานทุกคน โดยปัจจุบันมีผู้ฝากประวัติบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของจ๊อบไทยกว่า 1.6 ล้านคน มีจำนวนงานจากบริษัทชั้นนำกว่า 95,000 อัตรา และมีลูกค้าที่เป็นองค์กรกว่าหมื่นราย”
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- กองทุนประกันวินาศภัยถังแตก แจ้งชะลอจ่ายคืนหนี้ตั้งแต่ มี.ค.2567
- เรือชนสะพานถล่มในสหรัฐ กระทบเศรษฐกิจ การขนส่งสินค้าเป็นอัมพาต
“การปรับเปลี่ยนองค์กรครั้งนี้ เราใช้พลังของพนักงานทุกคนมีส่วนแสดงความคิดเห็นว่า องค์กรเราควรทำอะไร เพราะการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ต้องทำให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีความสุข นอกจากนั้น เรามีการจัดทีมทัพใหม่ให้เป็นแบบลีน รวมถึงการสร้างสำนักงานใหม่ที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อดูแลเรื่องการพัฒนาโมบายแอปพลิเคชั่นโดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้มีพนักงานที่นั่นประมาณ 20 คน”
“เหตุผลที่เราไปตั้งสำนักงานเพิ่มที่เชียงใหม่ เพราะที่นี่กำลังเป็นเมืองด้านเทคโนโลยี มีบริษัททันสมัยใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น และมีสตาร์ตอัพไปตั้งฐานที่นั่นมากด้วย บวกกับเรามองว่าคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นเก่งไม่แพ้คนกรุงเทพฯ เราจึงอยากกระจายงานของเราไปที่เชียงใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ในพื้นที่ร่วมพัฒนาองค์กรเรา ส่วนเรื่องค่าแรง น้อง ๆ จะได้เท่ากับพนักงานในตำแหน่งเดียวกันกับที่ทำงานอยู่สำนักงานใหญ่ใน กทม. และอนาคตเราอาจมีการเพิ่มสำนักงานของเราในจังหวัดอื่น ๆ เช่นกัน”
“แสงเดือน” อธิบายถึงจ๊อบไทย โมบาย แอปพลิเคชั่นว่า ก่อนจะมาเป็นเวอร์ชั่นใหม่ เราทำการสำรวจคนทำงานทั่วประเทศ จำนวนกว่า 3,000 คน ผ่านหัวข้อมุมมอง และพฤติกรรมต่อการบริการหางาน สมัครงานออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบันมากที่สุด และจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของเรา (big data) ทำให้พบว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้บริการหางาน สมัครงานบนจ๊อบไทยผ่านสมาร์ทโฟน มีสัดส่วนสูงถึง 64.27% เมื่อเทียบกับเดสก์ทอปที่มีเพียง 35.73%
“เราตั้งใจออกแบบจ๊อบไทย โมบาย แอปพลิเคชั่น 2019 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้การหางาน สมัครงานสะดวก และง่ายมากขึ้น เช่น จ๊อบส์ เนียร์ มี (Jobs Near Me) ช่วยการค้นหางานที่อยู่บริเวณใกล้บ้าน ถึงแม้เราจะอยู่ในยุคที่คนทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ แต่เรากลับพบว่ายังมีคนที่ต้องการใช้ฟีเจอร์นี้หางานจำนวนมาก ซึ่งเราเคยทดลองเอาออกจากแพลตฟอร์ม แต่มีคนเรียกร้องให้นำกลับมาอีก โดยเวอร์ชั่นใหม่นี้จะมีการแสดงผลในรูปแบบแผนที่ที่ทางบริษัทพัฒนาขึ้นเอง พร้อมกับแนะนำวิธีการเดินทาง พร้อมคำนวณเวลา และค่าใช้จ่ายโดยประมาณ มาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนการสมัครงาน”
นอกจากนั้น ยังมีการค้นหางานอย่างละเอียด ด้วยการระบุช่วงเงินเดือน ประเภทธุรกิจ สถานที่ปฏิบัติงาน ประเภทงานหลัก ประเภทงานย่อย หรือการพิมพ์ keyword รวมถึงฟีเจอร์การสมัครงานถึง 4 ช่องทาง ได้แก่
หนึ่ง สมัครด่วน โดยจุดเด่นของช่องทางนี้ คือ ผู้ใช้งานสามารถกดสมัครงานได้ทันที และไม่จำเป็นต้องแนบเอกสารใด ๆ ส่วนผู้ใช้งานที่มีประวัติในระบบของเราแล้ว จะเพิ่มโอกาสที่องค์กรสามารถค้นหาประวัติเพื่อเรียกสัมภาษณ์ได้ง่ายอีกด้วย
สอง อัพโหลดไฟล์ประวัติ (resume) เป็นวิธีสมัครล่าสุดที่จ๊อบไทยเพิ่มเข้ามา โดยผู้ใช้งานสามารถแนบไฟล์ประวัติที่ออกแบบเอง ซึ่งสามารถอัพโหลดได้สูงสุดถึง 5 ไฟล์
สาม ส่งอีเมล์ถึงองค์กรที่ต้องการทำงานด้วย
สี่ กรอกประวัติแบบย่อ อีกหนึ่งวิธีสมัครล่าสุดที่เราเพิ่มเข้ามา โดยวิธีนี้จะเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานที่ไม่มีไฟล์ประวัติ เพื่อเขียนการนำเสนอตนเอง และใส่ข้อมูลที่องค์กรต้องการในแบบฟอร์มย่อที่ใช้งานได้ง่าย และสามารถแนบไฟล์เพื่อส่งไปยังองค์กรได้เช่นกัน
ความพิเศษของการสมัครงานแบบอัพโหลดประวัติ ส่งอีเมล์ และกรอกประวัติโดยย่อ คือ ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ หรือสมัครเป็นสมาชิก ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจที่ผู้ใช้งาน 53.29% ที่ต้องการสมัครงานโดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบ หรือการสมัครสมาชิก
“แสงเดือน” กล่าวต่อว่า ผลจากการสำรวจทำให้ทราบข้อมูลเชิงลึกในหลายด้าน เช่น คนทำงานทั่วประเทศ 98.55% ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการหางาน สมัครงาน โดยช่องทางเลือกใช้มากที่สุด ได้แก่ เว็บไซต์หางาน คิดเป็น 97.39% ตามมาด้วยเว็บไซต์ขององค์กรที่ต้องการสมัคร คิดเป็น 44.20% และการใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นคิดเป็น 28.72%
“ผลสำรวจยังเจาะลึกให้เห็นถึง 5 ปัจจัยแรก ที่คนทํางานส่วนใหญ่ใช้พิจารณาในการเปลี่ยนงาน ได้แก่ เงินเดือน คิดเป็น 22.97%, สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ คิดเป็น 19.46%, หน้าที่ที่รับผิดชอบ คิดเป็น 15.34%, การเดินทางสะดวก คิดเป็น 12.63% และโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คิดเป็น 11.77%”
“ซึ่งจะเห็นว่ามีปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ปัจจัยเรื่องการเดินทาง ที่คนทำงานให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยพบว่า 31.91% ของคนทํางานประจํา เลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทางไปทํางาน โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคิดเป็น 9.56% ของเงินเดือนที่ได้รับ และผลสำรวจยังพบอีกว่า คนทำงานต้องเดินทางจากบ้านไปที่ทำงานโดยต่อรถมากที่สุดถึง 5 ต่อ คิดเป็น 17.32% สำหรับระบบขนส่งสาธารณะที่เลือกใช้มากที่สุด คือ รถโดยสารประจําทาง 29.43% ตามมาด้วย รถจักรยานยนต์รับจ้าง 21.69%, รถตู้และรถไฟฟ้า BTS เท่ากันที่ 12.40% และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT 8.80% ตามลำดับ”
นอกจากนั้น ในเรื่องของ big data ของจ๊อบไทย “แสงเดือน” บอกว่า งานที่องค์กรซึ่งเป็นลูกค้าของเราอยากได้คนอันดับที่ 1 คือ งานขาย ซึ่งเป็นที่ต้องการกว่า 21,000 อัตรา, อันดับ 2 คือ ช่างเทคนิค จำนวน 1 หมื่นอัตรา, อันดับ 3 คนผลิตควบคุมคุณภาพ 8,200 อัตรา, อันดับ 4 ธุรการจัดซื้อ และวิศวกรรม 2 ตำแหน่งนี้มีอัตราเท่ากัน คือ 6,500 อัตรา และอันดับ 5 บัญชี 5,100 อัตรา ส่วนคนทำงานสายดิจิทัลมีความต้องการมากขึ้น แต่ตัวเลขยังไม่ได้สูงมาก
“ขณะที่ผู้สมัครงานเลือกสมัครงานที่สวนทางกับความต้องการขององค์กรอยู่บ้าง โดยตำแหน่งที่คนสมัครมากสุด คือ ธุรการจัดซื้อ 17%, งานผลิตควบคุมคุณภาพ 9.24%, บัญชี 6.6%, ช่างเทคนิค 5.7% และวิศวกรรม 5.4% เมื่อ ยุคนี้จึงเป็น gig economy ซึ่งแน่นอนว่าเปอร์เซ็นต์คนทำงานประจำน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต และสัดส่วนคนทำงานฟรีแลนซ์จะมีเพิ่มมากขึ้น โดยคิดเป็น 4.36% เมื่อเทียบกับคนทำงานประจำ”
“สำหรับช่วงอายุของคนที่สนใจทำงานฟรีแลนซ์ มีดังนี้ Gen X (คนที่มีอายุ 43 ปีขึ้นไป) = 6.62% จากคนที่สนใจทำงานฟรีแลนซ์ทั้งหมด, Gen Y (คนที่มีอายุ 25-42 ปี) = 78.65% และ Gen Z (คนที่มีอายุไม่เกิน 24 ปี) = 14.74%”
ที่สำคัญ “แสงเดือน” ยังให้คำแนะนำองค์กรในยุคออนไลน์ว่า ควรต้องทำความเข้าใจกับพฤติกรรมคนหางาน ซึ่งคนอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น และการบริหารคนในองค์กรต้องมีการปรับสวัสดิการให้สอดคล้องกับเจเนอเรชั่นของคน เช่น คน Gen X มีความต้องการด้านความมั่นคง อาจต้องให้พวกเขาในเรื่องประกันสุขภาพ และ Gen Z เป็นคนชอบเที่ยว ชอบอิสระ ดังนั้นจะต้องตอบโจทย์พวกเขาในด้านวันลา หรือเวลาการทำงานแบบยืดหยุ่น เป็นต้น
นับว่าการปรับเปลี่ยนของจ๊อบไทยครั้งนี้เป็นการให้ความสำคัญกับการใช้แบบสำรวจ และวิเคราะห์ big data ซึ่งทำให้จ๊อบไทยสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับทุกคน ทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!