“คูโบต้า” นวัตกรรมทำได้จริง ชวนเยาวชนเรียนรู้เกษตรสมัยใหม่

สมศักดิ์ มาอุทธรณ์

ต้องยอมรับว่าทัศนคติเกี่ยวกับอาชีพเกษตรกรรมของไทยมักจะถูกมองว่ารายได้น้อย ทำงานหนัก หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน หรือเป็นอาชีพที่ไม่สำคัญมากเท่าที่ควร แต่หากกลับมองไปถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ภาคการเกษตร จะเป็นตัวเลขสูงมาก ทั้งยังมีอัตราที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ฉะนั้น การปลูกฝังความคิดใหม่เกี่ยวกับการทำการเกษตร ให้กับเยาวชน จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไป ทำให้การทำเกษตรกรรมไม่ได้อยู่ในรูปแบบเดิม ๆ อีกต่อไป และจากความคิดดังกล่าว บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด จึงมีการส่งเสริมให้ความรู้ด้านการเกษตร และนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในอาชีพเกษตรกรรมให้แก่เยาวชนมาตั้งแต่ปี 2543 ผ่านโครงการยุวเกษตร จนเมื่อปี 2555 จึงเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “KUBOTA Smart Farmer Camp”

โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อต้องการสร้างทัศนคติที่ดี และกระตุ้นให้เยาวชนรุ่นใหม่ใส่ใจการทำอาชีพเกษตรกรรม ด้วยการถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และเครื่องจักรกลด้านการเกษตร เพื่อให้มีความเข้าใจ และตระหนักถึงการนำเอานวัตกรรมทางการเกษตรมาเพิ่มประสิทธิภาพ เกิดการทำเกษตรที่มีความแม่นยำ เพื่อให้การทำเกษตรกรรมมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน

ผ่านมามีเยาวชนในโครงการสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก อย่างในปีนี้ โครงการ KUBOTA Smart Farmer Camp จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “FARMNOVATION นวัตกรรมทำได้จริง” มีผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,005 คน จากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และสยามคูโบต้าฯคัดเลือกเยาวชนที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 120 คน

“สมศักดิ์ มาอุทธรณ์” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เพราะสยามคูโบต้าฯเชื่อว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยพัฒนาการเกษตรของไทยให้มีความก้าวหน้า และเจริญเติบโตต่อไป เพราะปัจจุบันผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรส่วนใหญ่จะมีอายุเฉลี่ย 50-54 ปี สอดคล้องกับสถานการณ์ของประชากรไทยที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

“ปัจจุบันถือเป็นยุคของการนำเอาเทคโนโลยี นวัตกรรม ตลอดจนเครื่องจักรกลด้านการเกษตร เข้ามาช่วยให้การทำเกษตรกรรมมีความแม่นยำ สะดวกสบาย ปลอดภัยมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นทำให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้น ต้นทุนลดลง ฉะนั้น เราจึงเชื่อว่าน้อง ๆ เยาวชนที่เข้ามาในภาคการเกษตรทั้งในปัจจุบัน และอนาคต จะนำความรู้ เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยภาคการเกษตรได้ดีกว่าเกษตรกรในรุ่นที่ผ่านมา”

ตรงนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สยามคูโบต้าฯจัดโครงการ KUBOTA Smart Farmer Camp มาอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่สำหรับปีนี้ถือเป็นปีที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด FARMNOVATION นวัตกรรมทำได้จริง โดยมีจัดกิจกรรมหลัก 3 ด้าน คือ

หนึ่ง การเรียนรู้จริงกับสุดยอดเทคโนโลยีจากคูโบต้า ประเทศญี่ปุ่น ทั้งรถแทรกเตอร์ และรถดำนาที่ควบคุมด้วยระบบ GPS ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับเพื่อการเกษตร อีกทั้งนวัตกรรมอัจฉริยะจากคูโบต้า KIS (KU-BOTA Intelligence Solutions) ภายใต้แนวคิดเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn)

สอง การให้เรียนรู้จริงด้วยการออกแบบ และจัดการฟาร์มด้วยแนวคิดเกษตรรายได้สูง ทดลองใช้เครื่องปลูกผัก เพื่อควบคุมประสิทธิภาพการปลูก ประหยัดเวลาและขั้นตอนการทำงาน

สาม การทดลองใช้งานในพื้นที่จริง ด้วยการฝึกการจัดการฟาร์มแบบครบวงจร ผ่านกิจกรรมภายในคูโบต้าฟาร์ม ทั้ง 4 ฐาน ได้แก่ Smart Tech ทดลองใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรสมัยใหม่, Smart Design ออกแบบการบริหารจัดการฟาร์มแบบครบวงจร, Smart Farmer เรียนรู้การจัดการแปลงผักตามแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่รายได้สูง และ Smart Drive ทดลองขับเทคโนโลยีนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์การทำเกษตรได้ง่ายขึ้น

“สมศักดิ์” กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากน้อง ๆ จะได้รับความรู้ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้านการเกษตร จนเกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และประสบการณ์กับเพื่อน ๆ ที่มาเข้าร่วมโครงการ ยังมีวิทยากรเข้ามาให้ความรู้ เพื่อให้น้อง ๆ นำความรู้เหล่านี้ไปต่อยอดในภาคการเกษตร ตลอดจนในการเรียนของพวกเขาต่อไปด้วย

“ผมเชื่อว่าโครงการนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ มองเห็นคุณค่าของภาคการเกษตรไทย และมีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพเกษตรกรรม เพราะการที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มาเรียนรู้ และมาทำความเข้าใจว่าการทำเกษตรในปัจจุบันมีเทคโนโลยี นวัตกรรม และเครื่องจักรเข้ามาอำนวยความสะดวก จะทำให้เขามีประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการทำเกษตรตามหลักทางวิชาการ ด้วยการนำเอาข้อมูลต่าง ๆ มาใช้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องดิน น้ำ อากาศ และปุ๋ย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นความรู้ของคนรุ่นใหม่ที่จะมาร่วมพัฒนาการเกษตรของไทยให้ก้าวหน้าต่อไป”

“ที่สำคัญ โครงการ KUBOTA Smart Farmer Camp ในปีนี้ ยังถือเป็นครั้งแรกที่พาน้อง ๆ เยาวชนมาจัดกิจกรรมที่คูโบต้าฟาร์ม (KUBOTA Farm) ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มีพื้นที่ 220 ไร่ โดยสยามคูโบต้าฯตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ใช้นวัตกรรมด้านการเกษตรอย่างครบวงจร ยกระดับการทำเกษตรกรรมให้เป็นเกษตรแม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ด้วยเกษตรวิถีใหม่ที่ให้ผลลัพธ์คุ้มค่าทุกตารางเมตร รวมถึงการบริหารจัดการรายได้ที่ยั่งยืน”

“คูโบต้าฟาร์มจะเป็นสถานที่สร้างประสบการณ์ และองค์ความรู้ใหม่ ๆ ด้านการเกษตรให้แก่ผู้ที่สนใจ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งไว้ให้เกษตรกร หรือผู้ที่มาเยี่ยมชมที่สนใจจะทดลองทำจริง ด้วยการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมของคูโบต้า ซึ่งจะมีพี่เลี้ยงที่เป็นทีมงานด้านซูโลชั่นของคูโบต้าคอยให้คำแนะนำ เพื่อให้เขาเหล่านั้นมีความเข้าใจแนวทาง และวิธีการสมัยใหม่อีกด้วย และขณะนี้คูโบต้าฟาร์มยังอยู่ในช่วงการพัฒนาพื้นที่ รวมถึงการนำระบบต่าง ๆ ของคูโบต้าเข้ามาติดตั้ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเปิดอย่างเป็นอย่างการในช่วงปลายปี 2563”

“พันย์ธันวา ซาวปิ” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วสนใจในนวัตกรรมด้านการเกษตรของคูโบต้า ซึ่งมีความทันสมัย อย่างรถไถนาไร้คนขับ หรือการนำโดรนมาใช้ในการเกษตร ตลอดจนองค์ความรู้ด้านการเกษตรใหม่ ๆ ทั้งการลดต้นทุน การออกแบบและจัดการฟาร์ม

“การเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ทำให้หนูได้เรียนรู้ และทดลองใช้เครื่องจักรกลทางเกษตรจริง ถือว่าตรงกับสิ่งที่ตนเองเรียนมา และจะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเลือกเรียนสาขาเฉพาะทาง เพราะการเรียนวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล ในชั้นปีที่ 3 จะต้องเลือกสายที่จะเรียนลึกลงไป โดยหนึ่งในนั้นมีสาขาเครื่องจักรกลการเกษตรอยู่ด้วย และองค์ความรู้ด้านการเกษตรต่าง ๆ ที่ได้จะนำกลับไปบอกพ่อแม่ ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมด้วย”

“ด้วยความที่หัวข้อของโครงการในแต่ละปีไม่เหมือนกัน เช่น ปีนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม เทคโนโลยี ซึ่งหนูเชื่อว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ สอดคล้องกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญ ยังทำให้เกิดมุมมองและทัศนคติใหม่ ๆ ต่อการทำการเกษตร ที่ไม่ใช่มีแต่ความยากลำบาก หรือรายได้น้อยเท่านั้น แต่นวัตกรรมจะช่วยให้เกษตรกรทำการเกษตรได้อย่างแม่นยำ มีความสะดวก ปลอดภัย และมีรายได้ที่มั่นคงอีกด้วย”

ถึงตรงนี้ “สมศักดิ์” กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เทคโนโลยีด้านการเกษตรมีอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเรานำมาสร้างแรงบันดาลใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติในการทำอาชีพเกษตรกรรมให้เกิดแก่เยาวชนได้นั้น ผมเชื่อว่าเกษตรกรที่เป็นคนรุ่นใหม่จะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยพัฒนาภาคการเกษตรของไทยให้มีความเจริญก้าวหน้า สร้างความอยู่ดี กินดี ให้กับคนในครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติต่อไป

“ผมเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ”