ส่อง 5 ธุรกิจที่ต้องการคนมากสุดในครึ่งปีแรก อาหาร-เครื่องดื่มแชมป์ ขณะที่งานขายเปิดรับสมัครมากสุด

จ๊อบไทย (JobThai) ผู้ให้บริการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศไทย เผยกระแสตอบรับดีหลังจากพัฒนาบริการสู่ “จ๊อบไทย แพลตฟอร์ม” (JobThai Platform) และเปิดตัว “จ๊อบไทย โมบาย แอปพลิเคชัน” (JobThai Mobile Application) เวอร์ชันใหม่เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2562 ที่ผ่านมา พบว่าในระยะเวลาครึ่งปีแรกมี ผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคน โดยมีการสมัครงานมากกว่า 6 ล้านครั้ง เติบโตขึ้น 11% และมีจำนวนคนสมัครงานกว่า 9 แสนคน เติบโตขึ้น 25% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561

พร้อมกันนี้ยังเผยข้อมูลภาพรวมความต้องการแรงงานทั่วประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 พบว่า ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีความต้องการแรงงานสูงสุด และ งานขาย เป็นอาชีพที่เปิดรับสมัครมากที่สุด นอกจากนี้ยังเผยพฤติกรรมของผู้สมัครงานว่า งานธุรการ/จัดซื้อ มีการสมัครสูงที่สุด และ งานที่มีอัตราการแข่งขันสูงที่สุด ได้แก่ งานนำเข้า-ส่งออก และงานทรัพยากรบุคคล

“แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์” ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการจ๊อบไทย กล่าวว่า จากการศึกษาพฤติกรรมการหางาน สมัครงาน ของผู้ใช้งานจ๊อบไทยในครึ่งปีแรกพบสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้

คนทำงานอายุ 25 – 34 ปี เป็นกลุ่มผู้ใช้งานหลัก เมื่อเปิดข้อมูลทางประชากร พบว่ากลุ่มผู้ใช้งานหลักเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยผู้ใช้งานเพศหญิง คิดเป็น 62.9% ในขณะที่เป็นเพศชาย คิดเป็น 37.1% เมื่อพิจารณาอายุของผู้ใช้งานจะเห็นได้ว่า ผู้ใช้งานที่มีช่วงอายุ 25 – 34 ปี คิดเป็น 58.7% ซึ่งมีจำนวนมากกว่าครึ่งของผู้ใช้งานทั้งหมด ลำดับถัดมาเป็นช่วงอายุ 35 – 44 ปี คิดเป็น 17.5% และอายุ 18-24 ปี คิดเป็น 15.6% ในขณะที่ผู้ใช้งานที่อายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป คิดเป็น 8.2%

มีการหางานมากที่สุดในช่วงเวลากลางวัน พฤติกรรมผู้ใช้งานในช่วงเวลา 9.00 น. – 16.00 น. สูงกว่าช่วงกลางคืน โดยพบว่า 11.00 น. เป็นช่วงเวลาที่เข้าใช้งานสูงที่สุด และเมื่อดูพฤติกรรมการเข้าใช้งานเป็นรายวัน พบว่าการเข้าใช้งานในช่วงวันธรรมดาจะสูงกว่าวันหยุด โดยวันพุธเป็นวันที่มีการเข้าใช้งานสูงที่สุด

ระดับการศึกษาและสาขาของผู้ใช้งาน ผู้ใช้งานที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีสัดส่วนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง  คิดเป็น 74.7% ระดับ ปวส. คิดเป็น 14.73%  ระดับปริญญาโท คิดเป็น 4.48% และในระดับการศึกษาอื่น ๆ รวมกันอยู่ที่ 6.08% เมื่อแยกตามสาขาวิชาที่จบของผู้สมัครงาน พบว่าอันดับหนึ่ง ได้แก่ บริหาร/การจัดการ/บุคคล คิดเป็น 11.6% อันดับสอง บัญชี/การเงิน/การธนาคาร คิดเป็น 10.6% อันดับสาม เลขา/ประชาสัมพันธ์/ธุรการ/คอมพิวเตอร์ธุรกิจ คิดเป็น 6.1% อันดับสี่ วิศวกรรมอุตสาหการ/เครื่องกล/โรงงาน คิดเป็น 5.9% อันดับห้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์/ช่างไฟฟ้า/ช่างคอมพิวเตอร์ คิดเป็น 4.5%

“แสงเดือน” กล่าวเพิ่มเติมว่า จ๊อบไทยยังได้ทำการรวบรวมและวิเคราะห์ฐานข้อมูลงานเพื่อรายงานสถานการณ์ความต้องการแรงงานและพฤติกรรมความต้องการของผู้สมัครงานทั่วประเทศ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ซึ่งพบว่า 5 กลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุด ได้แก่

1) ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 76,204 อัตรา เนื่องมาจากภาคการท่องเที่ยวที่มีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมตรวจลงตราหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยยังคงมีการขยายตัว โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุดสูงสุด คือ จีน มาเลเซีย และอินเดียตามลำดับ (ที่มา:กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เกิดจากความต่อเนื่องของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย

2) ธุรกิจยานพาหนะ/ชิ้นส่วนยานยนต์ จำนวน 58,481 อัตรา ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่อีอีซี ซึ่งกลุ่มยานยนต์รวมอยู่ด้วย ด้านทรัพยากรบุคคลจึงมีการเตรียมพร้อมในเรื่องของแรงงาน เช่น กลุ่มวิศวกร และช่างเทคนิคให้มีความพร้อมมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนนี้

3) ธุรกิจบริการ จำนวน 56,893 อัตรา เนื่องจากการขยายตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกับธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม ทำให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ มารองรับมากขึ้น ตลอดจนการใช้ชีวิตและกิจกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดบริการใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น

4) ธุรกิจก่อสร้าง จำนวน 49,631 อัตรา มีปัจจัยจากการเติบโตต่อเนื่องของการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและการก่อสร้าง ซึ่งเป็นผลจากการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รวมถึงการก่อสร้างภาคเอกชน ทำให้ความต้องการบุคลากรในประเภทธุรกิจนี้มีความต้องการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

5) ธุรกิจค้าปลีก จำนวน 49,365 อัตรา การบริโภคยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกมีการปรับตัวหลายด้าน ทั้งการพัฒนารูปแบบร้านค้า การเพิ่มความหลากหลายทั้งสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น

ขณะที่ 5 สายงานที่องค์กรเปิดรับมากที่สุด “แสงเดือน” บอกว่า ได้แก่ 1) งานขาย คิดเป็น 18.6% 2) งานช่างเทคนิค คิดเป็น 10.1% 3) งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ คิดเป็น 7.1% 4) งานธุรการ/จัดซื้อ คิดเป็น 6.5% และ 5) งานวิศวกรรม คิดเป็น 5.8% ซึ่งมีอัตราการเปิดรับทั้งหมดโดยเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 135,069 อัตรา

ส่วน 5 สายงานที่มีผู้สมัครมากที่สุด พบว่า งานธุรการ/จัดซื้อ มีการสมัครสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 13.22%, อันดับสอง งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ คิดเป็น 10.50%, อันดับสาม งานขาย คิดเป็น 8.12%, อันดับสี่ งานทรัพยากรบุคคล คิดเป็น 7.10% และ อันดับห้า งานวิศวกรรม คิดเป็น 6.48% ของผู้สมัครทั้งหมด

ทั้งนี้หากเปรียบเทียบความต้องการจากฝั่งองค์กรและความนิยมในการสมัครงาน พบว่า งานที่มีอัตราการแข่งขันสูงที่สุด คือ นำเข้า-ส่งออก และทรัพยากรบุคคล มีการแข่งขันสูงเป็นอันดับ 1 เท่ากัน โดยมีการแข่งขันอยู่ที่  4.79 คน ต่อ 1 อัตรา, อันดับสอง วิทยาศาสตร์/วิจัยพัฒนามีอัตราการแข่งขันอยู่ที่ 4.44 คน ต่อ 1 อัตรา, อันดับสาม สิ่งแวดล้อม มีอัตราการแข่งขันอยู่ที่ 3.12 คน ต่อ 1 อัตรา และอันดับสี่ เลขานุการ อัตราการแข่งขัน  3.05 คน ต่อ 1 อัตรา


“อย่างไรก็ตาม ข้อมูลภาพรวมความต้องการของตลาดแรงงานและความต้องการขององค์กรตลอดจนพฤติกรรมการหางาน สมัครงาน แสดงให้เห็นถึงภาพการจ้างงานที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย และเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สำหรับองค์กรควรเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเรื่องบุคลากร ส่งเสริมให้แรงงานมีทักษะความสามารถที่สอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันคนทำงานควรพัฒนาศักยภาพให้มีประสิทธิภาพพร้อมในการทำงานอยู่เสมอเพื่อต่อยอดไปสู่การทํางานที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และสามารถตอบสนองตลาดแรงงานในอนาคตได้” แสงเดือนกล่าวทิ้งท้าย