5 ปี “Elite Plus” ระดมทุนให้ยูเนสโกสร้างสรรค์สังคม

ต้องยอมรับว่าเหล่าบรรดาทูตานุทูต นักธุรกิจ และแขกผู้มีเกียรติกว่า 200 คน ล้วนระดับ วี.ไอ.พี.ทั้งสิ้น ทุกคนต่างทยอยมารวมตัวกันที่ห้องรับรองชั้น 4 โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ ริมฝั่งเจ้าพระยา เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองครบปีที่ 5 ของนิตยสาร Elite Plus นิตยสารภาษาอังกฤษ จัดทำโดย บริษัท อีลีท ครีเอทีฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น เมื่อคืนวันที่ 17 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา

การจัดงานในค่ำของคืนนี้ นอกจากเป็นการฉลองความสำเร็จของนิตยสารที่มีผลประกอบการเป็นบวกในทุกปีแล้ว ยังเป็นการระดมทุนมอบให้กับองค์การยูเนสโก (UNESCO) หรือองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานขององค์กร จึงไม่แปลกที่บรรยากาศของงานจึงรื่นรมย์ผสมผสานกับบทสนทนาที่ทุกคนล้วนไต่ถามความเป็นไปของบ้านเมืองและสภาวะศรษฐกิจ บ้างก็คุยเรื่องธุรกิจรวมไปถึงการทำงานของแต่ละคน ก่อนจะเข้าไปนั่งประจำโต๊ะภายในห้องบอลรูมที่ทางเจ้าภาพจัดเตรียมไว้ จากนั้นงานจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นกันเองและอบอุ่น

“ดร.พิสุทธิ์ เลิศวิไล” กรรมการบริหาร อีลีท พลัส ขึ้นกล่าวต้อนรับทุกคนบนเวที พร้อมขอบคุณ “ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” นักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ที่มาเป็นองค์ปาฐกในครั้งนี้ ที่สำคัญอีลีท พลัสยังทำหน้าที่ร่วมแชร์สิ่งดี ๆ ให้กับสังคม โดยจัดระดมทุนให้กับองค์การยูเนสโก ดังนั้น จึงเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เป็นตัวกลางนำสิ่งเหล่านี้สู่สังคม สำหรับปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ 5 และปีที่กำลังจะมาถึงในปีหน้า อีลีท พลัสจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด และสร้างสรรค์เรื่องราวดี ๆ สู่สังคม สู่ผู้อ่านต่อไป

ต่อจากนั้น “Mr.Shigeru Aoyagi” ผู้อำนวยการยูเนสโก ประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวขอบคุณสำหรับการระดมทุนครั้งนี้ และกล่าวถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจของยูเนสโก ว่า ยูเนสโกมีเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสันติภาพ ความเสมอภาค และความรุ่งเรืองของทุกประเทศทั่วโลก แต่สันติภาพมีด้วยกัน 2 แบบ คือ สันติภาพเชิงลบ ที่หมายถึงการมองสันติภาพแบบที่ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และสันติภาพเชิงบวก คือ การมองการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ จนนำไปสู่สังคมที่มีความเป็นธรรม มีความเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งแยกในสังคม ซึ่งสิ่งที่เราต้องสร้างขึ้นบนโลกนี้ให้ได้ คือ สันติภาพเชิงบวก

สำหรับประเทศไทยโครงการที่ยูเนสโกดำเนินการ ได้แก่ การศึกษา, วิทยาศาสตร์, วัฒนธรรม, การสื่อสารและสารสนเทศ เรามองเห็นศักยภาพมากมายที่จะสร้างสันติภาพเชิงบวกผ่านโครงการเหล่านี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเป้าหมายยูเนสโกที่วางไว้ทั้งหมด 17 ข้อ ได้แก่ 1.ขจัดความยากจน 2.ขจัดความหิวโหย 3.การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี 4.การศึกษาที่เท่าเทียม 5.ความเท่าเทียมทางเพศ 6.การจัดการน้ำและสุขาภิบาล 7.พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ 8.การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ 9.อุตสาหกรรมนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐาน 10.ลดความเหลื่อมล้ำ 11.เมืองและถิ่นฐานมนุษย์ที่ยั่งยืน 12.แผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน 13.การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 14.การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล 15.การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก 16.สังคมสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันที่มีประสิทธิภาพ 17.ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

“สำหรับอนาคตข้างหน้าเรายังมีความท้าทาย ทั้งมุมมองที่แตกต่าง ความซับซ้อนของปัญหา อีกทั้งเรายังต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็ว ในโอกาสการฉลองครบรอบ 5 ปีของนิตยสารอีลีทฯ ซึ่งเป็นนิตยสารที่มีความเท่าทันเหตุการณ์ของโลก พยายามจับภาพเรื่องราวต่าง ๆ การหาทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น ผมต้องขอบคุณนิตยสารอีลีทฯมา ณ โอกาสนี้ ผมเชื่อมั่นมาก ๆ ว่าการร่วมมือกันของภาคส่วนต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงโลกได้” Mr.Shigeru Aoyagi กล่าวในตอนท้าย

หลังจากนั้น เป็นช่วงเวลาของ “ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ที่ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ให้ความไว้วางใจขึ้นเวทีกล่าวบรรยายถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า สรุปได้ว่าเศรษฐกิจประเทศไทยในขณะนี้อยู่ในสภาพที่ถดถอย อีกทั้งการส่งออกไม่ดีเลย แต่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ไทยเท่านั้น ทุกประเทศในโลกเป็นเหมือนกันหมด อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เศรษฐกิจโลกก็แย่กว่าที่คิดไว้ แต่บอกได้ว่าเป็นเรื่องปกติของธุรกิจที่มีขึ้นมีลง

“อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะทุกครั้งที่เกิดวิกฤตทำให้ต้องระมัดระวัง ไม่ทำอะไรใหญ่โตหรือลงทุนมากมาย และจะได้เตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ซึ่งถือว่านี่คือโอกาสของประเทศไทย ไม่มีโอกาสครั้งไหนดีเท่าโอกาสครั้งนี้อีกแล้ว รัฐบาลพยายามเอาคนรอบข้างมาเชื่อมโยง มาเป็นตลาดเดียวกัน มีโครงการต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นถนน, รถไฟ, ท่าเรือ, สนามบิน, ดิจิทัลทั้งหมดเพื่อสร้างตลาดใหม่ โลกยุคใหม่”

“ประเทศไทยยังมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับนโยบาย New Southern Policy ของเกาหลีใต้ นโยบาย One Belt One Road ของจีน และยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนโยบายมุ่งตะวันออก (Look East Policy) ของอินเดีย จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการดึงดูดการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมาไทย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไทยถึงน่าตื่นเต้นที่จะมาลงทุน”

ก่อนงานเลี้ยงเลิกรา “อาทร เตชะธาดา” กรรมการผู้จัดการสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ปิดท้ายงานปีนี้ว่า การเลือก “ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง หนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่งรุ่นใหม่ มาเป็นองค์ปาฐกในหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า” เนื่องจากคนอ่านนิตยสารอีลีท พลัส ส่วนมากเป็นนักการทูตและนักธุรกิจที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย จึงต้องการรู้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของไทยว่าเป็นอย่างไร

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอีก 10 ปีข้างหน้า และ ดร.กอบศักดิ์เป็นผู้หนึ่งที่คิดเรื่อง creative economy รวมทั้ง creative industry ซึ่งการพูดครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเศรษฐกิจเพียว ๆ แต่เป็นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานของยูเนสโกด้วย จึงถือเป็นการเพิ่มเติมอาหารสมองและยังได้ทำบุญร่วมกัน”

“ซึ่งหาโอกาสดี ๆ อย่างนี้ไม่ง่ายเลย”