ผลกระทบ ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ

คอลัมน์ เอชอาร์คอร์เนอร์

โดย ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ http://tamrongsakk.blogspot.com

สืบเนื่องจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำใหม่จะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 63 นั้น ผมจึงอยากขอนำผลกระทบในการปรับค่าจ้างขั้นต่ำมาให้กับคนที่ทำงานด้าน Com & Ben (compensation & benefits) และคนที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ดู เพื่อจะเป็นไอเดียในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนในองค์กรของท่านดังนี้ครับ

1.การปรับค่าจ้างขั้นต่ำครั้งล่าสุด คือ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 61 มีอยู่ 7 อัตรา และมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ วันละ 318 บาท ส่วนการปรับค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้จะมีผลวันที่ 1 ม.ค. 63 มีอยู่ 10 อัตรา และมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ วันละ 321 บาท โดยเฉลี่ยแล้วปรับเพิ่มขึ้น 0.94%

2.จากตารางที่ผมนำมาเสนอแนบท้าย ผมใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำในเขต กทม.เป็นหลัก คือ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 61 วันละ 325 บาท และจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 331 บาท มีผลวันที่ 1 ม.ค. 63 โดยเฉลี่ยแล้วปรับเพิ่มขึ้น 1.8%

3.การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งใหม่นี้มีผลกระทบไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการปรับเมื่อปี 2560 ที่ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 3% และในปี 2561 ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 5%

4.เมื่อดูจากตารางผลกระทบกับการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี ซึ่งตามบริษัทส่วนใหญ่จะปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีเฉลี่ย 5% จะทำให้พนักงานในบริษัทได้รับการขึ้นเงินเดือนประจำปีมีความห่างจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำและเงินเฟ้อประมาณ 2% โดยในปี 2560 มีความห่างประมาณ 1% และปี 2561 มีความห่างประมาณ -1%

ซึ่งถือว่าผลกระทบในการปรับค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้มีผลกระทบกับคนทำงานน้อยกว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อปี 2560 และ 2561

5.การปรับค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ อาจจะยังไม่มีผลกระทบ กับการปรับขึ้นอัตราเริ่มต้นตามคุณวุฒิมากนัก ซึ่งบริษัทอาจจะปรับอัตราเริ่มต้นตามคุณวุฒิเพิ่มขึ้น (ในกรณีที่มีงบประมาณ และมีนโยบายจะปรับอัตราเริ่มต้นตามวุฒิให้แข่งขันกับตลาดเพิ่ม เพื่อดึงคนจบใหม่เข้ามาทำงาน) หรือจะยังไม่ปรับอัตราเริ่มต้นตามคุณวุฒิใหม่เพิ่มขึ้นก็ได้ เนื่องจากเปอร์เซ็นต์การปรับค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ไม่สูงมากนัก

แต่กระนั้น ก็ต้องลองบริหารจัดการให้ดีนะครับ