4 ปี เยาวชนพิทักษ์สายน้ำ

คอลัมน์ CSR Talk

 

นับตั้งแต่ “ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์” ได้ริเริ่ม “โครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ” (Youth Water Guardian) ในปี 2559 จวบจนถึงวันนี้ ความสำเร็จของโครงการที่เกิดขึ้น สะท้อนได้จากความมุ่งมั่นของการทำงานตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ในการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนตระหนัก และเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์แหล่งน้ำในชุมชนของตัวเอง ส่งผลให้แหล่งน้ำในชุมชนมีคุณภาพที่ดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระยะยาว เพื่อพัฒนาชุมชนโดยรอบคลองขนมจีน ใน จ.พระนครศรีอยุธยา

“ลูก้า คิโอด้า” ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจน้ำดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ตระหนักถึงความสำคัญของแหล่งน้ำที่มีความยั่งยืน เพื่อวันนี้และอนาคตมาโดยตลอด เพราะน้ำเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด อีกทั้งปริมาณน้ำในโลกที่นำมาใช้อุปโภคบริโภคได้มีไม่ถึง 1% ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ จึงมีพันธกิจใส่ใจมุ่งมั่นดูแลแหล่งน้ำ และจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีน้ำสะอาดไว้ใช้ในอนาคต

โดยได้ดำเนินการจัดการและดูแลทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นจากบริเวณที่ตั้งโรงงานผลิต ซึ่งเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ได้ร่วมกับพันธมิตรอย่าง WWF ประเทศไทย ริเริ่มโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ เพื่อปลูกจิตสำนึกนักเรียนระดับมัธยมศึกษาใน จ.พระนครศรีอยุธยา เรื่องการอนุรักษ์และจัดการน้ำบริเวณโรงเรียนและชุมชนอย่างยั่งยืน

“4 ปีผ่านไป เราได้เรียนรู้ว่าเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการต่างมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชุมชน และยังคงมุ่งมั่นพร้อมที่จะเป็นกระบอกเสียงในการส่งต่อความรู้ที่ได้จากโครงการให้แก่เพื่อน ครอบครัว และคนรอบข้าง เพื่อสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง ตลอดจนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อการใช้ชีวิตร่วมกันในชุมชน สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเนสท์เล่ในการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพดีสู่อนาคตเพื่อโลกของเรา”

และในปี 2561 ที่ผ่านมา ศูนย์การเรียนรู้โครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำได้เปิดให้บริการ เน้นการพัฒนาคุณภาพน้ำในคลองขนมจีน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่โรงงานผลิตน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ดำเนินงานอยู่ โดยมีนิทรรศการหมุนเวียนจำนวน 2 ชุด และสถิติผู้เข้าชมในระหว่างสิงหาคม 2561 ถึงกรกฎาคม 2562 จำนวน 435 คน จากโรงเรียน 11 แห่ง และหน่วยงานเอกชน 2 แห่ง

นอกจากการเสริมสร้างเยาวชนพิทักษ์สายน้ำที่ได้รับการอบรมจนสามารถเป็นตัวแทนให้กับชุมชนแล้ว ผลการศึกษาล่าสุดยังพบว่า ความร่วมมือของทุกฝ่ายในการดำเนินโครงการอย่างจริงจังส่งผลให้คุณภาพน้ำในคลองขนมจีนมีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด โดยเรื่องนี้ “พิมพ์ภาวดี พหลโยธิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ประจำประเทศไทย บอกว่า จากการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ในการสรุปผลและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานตั้งแต่กรกฎาคม 2560 ถึงกรกฎาคม 2562 พบว่า ค่า pH ที่แสดงระดับความเป็นกรด-ด่างของน้ำในบริเวณโครงการอยู่ในมาตรฐานที่น่าพอใจ และความเป็นกรดยังลดลงกว่าช่วงเริ่มต้นโครงการเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

“อีกทั้งค่า BOD (biochemical oxygen demand) ซึ่งวัดปริมาณของออกซิเจนที่ถูกใช้โดยจุลินทรีย์ในกระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์ที่อยู่ในน้ำ ลดลงกว่า 50% แสดงให้เห็นถึงปริมาณสารอินทรีย์ที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำที่น้อยลง ขณะที่ค่า DO (dissolved oxygen) หรือปริมาณออกซิเจนซึ่งละลายอยู่ในน้ำ ยังเพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่าจากปี 2560 ที่สำคัญ สิ่งมีชีวิตและสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในบริเวณโครงการมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกด้วย”

อันเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับสังคม พร้อมพัฒนาศักยภาพให้กับเยาวชนไทยในอนาคตต่อไป