ธนชาตประกันภัย รวมพลังชุมชนสร้างถนนปลอดภัย

ธนชาตประกันภัยตระหนักถึงปัญหาอุบัติเหตุบนถนนที่เกิดขึ้น จึงมุ่งสร้างความปลอดภัยในพื้นที่จุดเสี่ยงภัยอันตราย และเกิดอุบัติเหตุบนถนนสายรองในพื้นที่ชุมชน เพื่อสร้างแต้มต่อให้ชุมชนก้าวสู่ถนนปลอดภัย โดยจับมือกับกระทรวงมหาดไทย และภาคีเครือข่ายในการช่วยผลักดันโครงการ “พลังชุมชนสร้างถนนปลอดภัย” เพื่อร่วมกันลดอัตราการเสียชีวิต และบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุของคนไทย

“พีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทในฐานะผู้ประกอบการด้านการประกันภัยตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และเชื่อมั่นว่าความปลอดภัยทุกคนมีส่วนสร้างได้ จึงมุ่งมั่นสร้างแต้มต่อให้กับสังคม ภายใต้โครงการ “แต้มต่อสู่ความปลอดภัย Yes, We Safe” ตั้งแต่ปี 2557 เพื่อมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์กับสังคม ทั้งยังช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนถนนสายรองในเขตพื้นที่ชุมชนต่างจังหวัดทั้งหมด 10 จุด/จังหวัด ด้วยการติดตั้งป้ายเตือนโค้ง ป้ายหยุด ติดตั้งกระจกโค้งตามทางแยกที่เป็นจุดเสี่ยง การติดหมุดสะท้อนแสง ปรับปรุงลูกระนาดชะลอความเร็วบนถนน มอบไฟกะพริบบริเวณ 4 แยกชุมชน ทาสีราวไม้หรือยางกั้นข้างถนนตรงทางโค้งอันตราย ทั้งหมดเป็นไปตามความต้องการของคนในพื้นที่

“จังหวัดนครนายกถือเป็น 1 ใน 10 จังหวัด ที่อยู่ในโครงการ Safer on the Road ของบริษัทที่ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.นครนายก) องค์การบริหารส่วนตำบล ผู้ใหญ่บ้าน ได้เลือกพื้นที่จุดเสี่ยงภัยที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดบริเวณแยกเจดีย์ทอง และแยกกำนันชรา โดยทางแยกทั้ง 2 แห่งมีจุดเหมือนกัน คือ กายภาพของสิ่งแวดล้อมถนน ส่งผลให้ผู้ใช้รถไม่แน่ใจว่าเส้นใดเป็นถนนหลัก เส้นใดเป็นถนนรอง ไม่มีสัญญาณจราจร ผู้ขับขี่แต่ละด้านขับขี่มาด้วยความเร็ว เพราะเห็นถนนว่างจึงมักเกิดอุบัติเหตุกลางสี่แยกเป็นประจำ”

“ส.ต.สมชาย แก้วมณี” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก กล่าวถึงบริเวณแยกเจดีย์ทอง ซึ่งเป็น 5 แยก ด้านหนึ่งเป็นสะพานก่อนถึงแยก รถที่ลงจากสะพานแทบจะไม่ชะลอความเร็ว เพราะเห็นเป็นถนนในชุมชน รถส่วนใหญ่ก็จะเร่งเครื่องเพื่อให้ผ่านจุดห้าแยกนี้ไปให้เร็วที่สุด อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นทันที

“ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าประชาชนขาดจิตสำนึกเรื่องวินัยจราจร อีกทั้งกายภาพถนนไม่เหมาะสม คนต่างพื้นที่ไม่ชำนาญเส้นทางไม่รู้ว่าสายไหนเป็นหลัก หรือสายรอง บางคนไม่ชะลอรถ บางคนชะลอรถ ไม่เปิดไฟเลี้ยว ไม่มีสัญญาณจราจร ทำให้เกิดอุบัติเหตุทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ง่าย โดยหลังจากธนชาตประกันภัยมาติดตั้งป้ายเตือนริมถนนทางรอง ทาสีขาวแดงให้เห็นเด่นชัด ช่วยให้ผู้ใช้ถนนระมัดระวังมากขึ้น ลดอุบัติเหตุอย่างวัดผลได้”

“เรวัตร ชูชาติ” ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลวังกระโจม จ.นครนายก กล่าวเสริมว่า กายภาพถนนบริเวณแยกกำนันชรา ซึ่งเป็น 4 แยกที่รถจะมาจากด้านหนึ่ง เมื่อจะถึง 4 แยก ถนนจะยกระดับขึ้น ทำให้รถทุกคันต้องเร่งเครื่อง เมื่อผ่านเนินดังกล่าว ทำให้มีโอกาสประสบอุบัติเหตุกลาง 4 แยกได้ง่าย ๆ เช่นกัน

“หลังจากธนชาตประกันภัยมาทำป้ายสัญญาณไฟเตือนบริเวณ 4 แยกให้ ช่วยให้คนในชุมชนได้รู้ว่า เส้นนี้คือถนนเส้นรองที่จะต้องมองดูรถจากเส้นหลัก ส่วนรถจากเส้นหลักที่จะเร่งเครื่องก่อนผ่านสี่แยก จะมองเห็นสีขาวแดงที่ทาไว้บริเวณสะพานตรงสี่แยกดังกล่าว ช่วยให้คนขับรถได้ระมัดระวังมากขึ้น จึงช่วยลดอุบัติเหตุบาดเจ็บและตายได้”

“พีระพัฒน์” กล่าวเสริมในตอนท้ายว่า นับจากนี้เป็นต้นไป ธนชาตประกันภัยจะเพิ่มความเข้มข้นให้มากขึ้น โดยร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดโครงการ “พลังชุมชนสร้างถนนปลอดภัย” ให้ชุมชนทั่วประเทศมีส่วนร่วมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน นำเสนอโครงการวิเคราะห์แก้ไขจุดเสี่ยงในชุมชนของตน โดยใช้หลักการประเมินจากปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งด้านกายภาพและพฤติกรรมทางสังคม เน้นให้ชุมชนสามารถดำเนินการได้ง่าย ๆ เป็นการเสนอพื้นที่ผ่านเข้าสู่เว็บไซต์ของโครงการ

“จากนั้นการขับเคลื่อนโครงการจะดำเนินงานผ่านเครือข่ายชุมชน ตั้งแต่ระดับนายอำเภอ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ (ศปถ.อำเภอ) ทำหน้าที่ผลักดันให้ชุมชนระดับตำบลมีบทบาทร่วมแก้ปัญหาในพื้นที่ของตน โดย ศปถ.จังหวัดจะให้การสนับสนุน ตลอดจนให้คำปรึกษาและกำกับติดตามการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามขั้นตอน และเมื่อชุมชนนำเสนอผลงานของตนเองเข้ามาแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือกผลงาน ซึ่งหากชุมชนใดผ่านเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก ธนชาตประกันภัยจะประสานกับภาคีเครือข่ายและชุมชน เพื่อเข้าพื้นที่และร่วมกันแก้ไขปัญหาลดจุดเสี่ยงในพื้นที่ชุมชนต่อไป”

ทั้งนั้นเพื่อมุ่งหวังให้โครงการ “พลังชุมชนสร้างถนนปลอดภัย” มีส่วนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุของคนไทย โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปีจะต้องแก้ไขจุดเสี่ยงอุบัติเหตุบนถนนให้ได้ 30 จุดทั่วประเทศ ภายใต้งบประมาณสนับสนุนจากบริษัท 10 ล้านบาท