“บลูบิคฯ” ชี้ทางรอดยุคดิสรัปต์ ใช้ Virtual Agile สร้างนวัตกรรม

ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับหลายปัจจัยที่เข้ามาส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ ทั้งสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ประกอบกับทุกอุตสาหกรรมต้องเผชิญหน้ากับคลื่นดิจิทัลดิสรัปชั่นที่เทคโนโลยีทั้งเก่าและใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว

โดยปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม ฉะนั้น การปรับตัวของธุรกิจให้เท่าทันหรือรวดเร็วกว่าจึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะสามารถโต้คลื่นดิจิทัลดิสรัปชั่น เพื่อนำพาธุรกิจของตัวเองให้อยู่รอดในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว

“พชร อารยะการกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยี กล่าวว่า นวัตกรรมเป็นกุญแจสำคัญของการแข่งขัน บริษัทยักษ์ใหญ่เร่งปรับตัวโดยนำนวัตกรรมเข้าไปใช้ เพราะนวัตกรรมคือการสร้างมูลค่าให้ลูกค้าด้วยการเสนอสิ่งใหม่ ๆ ช่วยแก้ไขปัญหาและข้อจำกัด (pain point) ให้คนกลุ่มใหญ่ได้

“พชร อารยะการกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด

“แต่การคิดค้นนวัตกรรมไม่ใช่เรื่องง่าย และการลงมือสร้างนวัตกรรมนั้นกลับเป็นสิ่งที่ยากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาการสร้างนวัตกรรมประสบผลสำเร็จอย่างมากในกลุ่มสตาร์ตอัพ เนื่องด้วยกระบวนการทำงานและโครงสร้างองค์กรที่ไม่ซับซ้อน มีกระบวนการตัดสินใจที่รวดเร็วในการทำงาน ประกอบกับทีมงานเป็นคนรุ่นใหม่มีทัศนคติกล้าคิด กล้าทำ กล้าทดลองสิ่งใหม่ ซึ่งเป็นต้นแบบการทำงานแบบ agile ที่ธุรกิจดั้งเดิมพยายามนำมาปรับใช้เพื่อพาธุรกิจก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลง”

“ขณะที่องค์กรนวัตกรรม (innovative company) กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดจนก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจยุคปัจจุบัน ด้านกลุ่มองค์กรที่ดำเนินงานแบบดั้งเดิมกลับกำลังประสบปัญหาการปรับตัวและก้าวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิทัลทั้งในแง่พฤติกรรมของลูกค้าและคู่แข่ง องค์กรใหญ่เหล่านั้นจึงพยายามนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อส่งเสริมกระบวนการทำงานจนก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ซึ่งเป็นกุญแจความสำเร็จระยะยาวของธุรกิจ เพราะถ้าไม่ปรับตัวตามอาจนำไปสู่การหยุดชะงักทางระบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่องแบบเลี่ยงไม่ได้”

“แต่องค์กรที่ดำเนินงานแบบดั้งเดิมที่มีขนาดใหญ่กว่า 60% กลับต้องล้มเหลวเนื่องจากธุรกิจมีโครงสร้างองค์กรที่ขนาดใหญ่ มีรูปแบบการทำงานแบบขั้นบันได (hierarchy) ไม่เอื้อต่อการสื่อสารและการทำงานที่รวดเร็ว อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ศูนย์กลาง ประกอบด้วยพนักงานหลากหลายเจเนอเรชั่น พนักงานมีงานประจำอยู่แล้ว หรือทีมยังยึดติดกับการทำงานแบบเก่า วัฒนธรรมองค์กรแบบเก่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือเปลี่ยนได้ช้า และพนักงานไม่เข้าใจหลักการทำงานแบบ agile จะทำได้อย่างไร ทั้งยังมองว่าไกลตัวเกินไป”

“พชร” แนะนำหนทางสู่การสร้างนวัตกรรมให้สำเร็จ ว่า องค์กรต้องนำ virtual agile เข้ามาใช้ โดย virtual หมายถึงการจำลองเสมือนจริง และ agile หมายความว่าทีมทำงานที่ประกอบไปด้วยบุคลากรจากหลายสายงาน เน้นการสื่อสารระหว่างบุคคลเพื่อความเข้าใจกันให้มากยิ่งขึ้น กระจายอำนาจการตัดสินใจ และเปลี่ยนวิธีการทำงานจากการกำหนดเป้าหมายระยะยาวแบบมุ่งไปครั้งเดียว เป็นแบบระยะสั้น ๆ หรือที่เรียกว่า sprint เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ ซึ่งเกิดขึ้นได้ทุกวัน และแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ปัจจุบัน virtual agile เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจเป็นอย่างดี เนื่องจากองค์กรไม่ต้องสูญเสียเวลา ซึ่งเป็นต้นทุนมหาศาลของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล และไม่ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้าง วัฒนธรรมองค์กร โดยพนักงานประจำและองค์กรยังคงโฟกัสในหน้าที่ของแต่ละคนอย่างเต็มที่ เพราะ virtual agile เป็นการทำงานโดยไม่จำเป็นต้องสร้างระบบการทำงานขึ้นมาใหม่ สามารถทำงานควบคู่ไปกับการทำงานแบบดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจดั้งเดิมเริ่มหันมาใช้แบบนี้กันมากขึ้น เนื่องจากจะลดการเสียดสีในการทำงานแบบเดิม ทั้งยังช่วยเติมเต็มความรู้ความสามารถในวิธีการทำงานแบบใหม่ ทำให้ภาพรวมองค์กรได้รับประสิทธิผลเดียวกันกับการทำงานแบบ agile แบบเดิม แต่ virtual agile ช่วยแก้ไขข้อจำกัดในธุรกิจดั้งเดิมได้ทั้งหมด”

“virtual agile” จึงถือเป็นทางลัดที่ช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถยืนหยัดอยู่รอดได้แม้ในยุคดิจิทัลดิสรัปชั่น ด้วยจุดเด่นในเรื่องความคล่องตัวในการทำงาน แต่ส่งผลบวกในด้านอื่น ๆ ด้วย เหนือไปกว่านั้นยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพของงานหรือสินค้าและบริการให้สูงขึ้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการในตลาดได้ดีกว่า อีกทั้งยังสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในตลาด”

“ด้านการทำงานของทีม virtual agile เป็นการทำงานแบบไร้กำแพงระหว่างฝ่าย ก่อให้เกิดการคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ จากการระดมสมองอย่างไม่มีขีดจำกัด ส่งผลให้สินค้าและบริการได้รับการพิจารณาและปรับปรุงจากทุกฝ่ายพร้อม ๆ กัน มีระบบความคิดที่รอบคอบ สามารถดึงจุดแข็งของธุรกิจดั้งเดิมออกมาตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคแบบไร้ข้อผิดพลาด หรือมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ที่สำคัญคือ การร่วมงานอย่างใกล้ชิด และการสื่อสารที่ชัดเจน ทำให้ความสัมพันธ์ของผู้ร่วมงานในทีมดีขึ้นอย่างชัดเจน”

เพราะ virtual agile เป็นทางลัดที่จะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างจุดแข็งเดิมของธุรกิจเดิมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างนวัตกรรมเพื่อโต้คลื่นดิจิทัลดิสรัปชั่นและมรสุมเศรษฐกิจไปได้