ต้องยอมรับว่าการที่บริษัท เงินติดล้อ จำกัด ให้การสนับสนุน “โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา” ในการให้ความรู้ทางการเงินเพื่อประกอบอาชีพให้กับ “ผู้ก้าวพลาด” จากเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จ.เชียงราย ในรุ่นที่ 11 จำนวน 100 คน และรุ่นที่ 12 จำนวน 100 คนเช่นกัน ถือเป็นการให้ “โอกาส” กับ “ผู้ต้องขัง” หรือ “ผู้ก้าวพลาด” มีชีวิตใหม่ที่สดใสขึ้น
เพราะผู้ก้าวพลาดส่วนใหญ่ของเรือนจำชั่วคราวดอยฮางประมาณ 90% มีความผิดโทษฐานคดียาเสพติด อีกทั้งผู้ก้าวพลาดส่วนใหญ่ยังเป็นชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ประมาณ 9 ชนเผ่าด้วยกัน ที่สำคัญผู้ก้าวพลาดเหล่านี้ถูกจองจำมาแล้วประมาณ 1 ใน 3 ของระยะเวลาการถูกจองจำ จนเหลือโทษไม่เกิน 3 ปี 6 เดือน ถึงถูกย้ายมาอยู่เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง เพราะเรือนจำชั่วคราวแห่งนี้ไม่เพียงเป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับการทำเกษตร หากยังเป็นเรือนจำเปิดเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษามาหาความรู้เกี่ยวกับการทำการเกษตรกรรมตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
- BITE SIZE : ขึ้นค่าแรง 10 จังหวัด-ปรับเงินเดือนข้าราชการ เพิ่มขึ้นเท่าไร
ทั้งนั้น เพราะผู้ก้าวพลาดส่วนใหญ่มีอาชีพดั้งเดิม คือ การเกษตร หรือครอบครัวทำการเกษตรเสียส่วนใหญ่ แต่กระนั้นพวกเขายังขาดความรู้ทางด้านการบริหารจัดการธุรกิจ การเงิน และการตลาด ผลเช่นนี้จึงทำให้บริษัท เงินติดล้อ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อทางการเงินให้กับลูกค้าระดับรากหญ้า และธุรกิจอื่น ๆ จึงนำองค์ความรู้เหล่านี้เข้ามาช่วยเหลือผู้ก้าวพลาดใน “โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา” ตามเรือนจำชั่วคราวต่าง ๆ
ที่ผ่านมาบริษัท เงินติดล้อ จำกัด ดำเนินโครงการกำลังใจในพระดำริฯ มาแล้วที่เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ อ.เขาสมิง จ.ตราด และเรือนจำชั่วคราวแคน้อย จ.เพชรบูรณ์ แต่สำหรับเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จ.เชียงราย จึงเป็นแห่งที่ 3 ที่บริษัท เงินติดล้อ จำกัด เข้ามาสนับสนุุนกิจกรรม
“พุฒิพงศ์ ภักดีพิพัฒน์กุล” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารสาขา และพัฒนาศักยภาพผู้นำฝ่ายขาย บริษัท เงินติดล้อ จำกัด บอกว่า เราดำเนินกิจกรรมการให้ความรู้ทางการเงินเพื่อการประกอบอาชีพผ่าน 3 กิจกรรมหลักด้วยกัน คือ การให้ความรู้เพื่อการประกอบอาชีพ, การให้สินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ และการสนับสนุนผลิตภัณฑ์งานฝีมือจากกลุ่มผู้ก้าวพลาด อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเงินติดล้อ “นำความรู้สู่ชุมชน เพื่อชีวิตหมุนต่อได้”
“ดังนั้น จุดเริ่มต้นจึงมาจากพนักงานกลุ่มเล็ก ๆ ในบริษัทที่มองเห็นเหมือนกันว่า การให้ความรู้ทางการเงินสอดคล้องกับสิ่งที่โครงการกำลังใจในพระดำริฯ ทำอยู่ก่อนแล้ว และเราเองก็ได้ยินบ่อยครั้งว่าโครงการกำลังใจในพระดำริฯ นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาต่อยอด เพราะผู้ก้าวพลาดเดิมทีเขามีความรู้ทางการเกษตร แต่ถ้าจะเสริมให้ดีหลังจากที่พวกเขาออกจากโครงการ พวกเขาจะต้องรอดได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น เขาจึงต้องมีความรู้เรื่องของการทำธุรกิจเบื้องต้นที่จะต้องรู้ว่าต้นทุนเป็นอย่างไร การตั้งราคาขายเป็นอย่างไร เพราะเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับกำไรและรายได้ของเขา ไม่เช่นนั้นพอเขามีผลผลิต แต่ไม่รู้จักการตั้งราคา ไม่รู้ว่าต้องไปขายที่ไหน อันนี้จะเป็นปัญหาระยะยาว”
“ดังนั้น หลักสูตรการให้ความรู้ทางการเงินเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้หลักการเศรษฐกิจพอเพียง จึงมีเรื่องเหล่านี้ด้วย คือ ต้องรู้ก่อนประกอบอาชีพ, ชวนคิดจากอาชีพตัวอย่าง, วิธีการเพิ่มกำไรและแผนธุรกิจ โดยส่วนแรก จะเป็นกิจกรรมการให้ความรู้แก่กลุ่มผู้ก้าวพลาดโดยตรง และส่วนที่ 2 จะเป็นการจัดอบรม train the trainer ด้วยการให้ความรู้แก่ผู้คุมเรือนจำ และผู้คุมประพฤติอาสาสมัคร เพื่อให้พวกเขาสามารถส่งต่อความรู้พื้นฐานทางด้านการเงินต่อไป และการทำอย่างนี้ถึงจะยั่งยืนในอนาคต”
“สำหรับในส่วนของสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ เราตระหนักดีว่าเงินทุนในการประกอบอาชีพยังเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากการมีประวัติเป็นผู้ต้องขังอาจส่งผลต่อความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ ผลตรงนี้จึงทำให้เราปลดล็อกด้วยการให้สินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพเป็นทุนตั้งต้นตั้งแต่ 20,000-70,000 บาท แต่ทั้งนั้นผู้ก้าวพลาดจะต้องเขียนแผนธุรกิจของตัวเองขึ้นมาว่าจะทำอะไร และจะส่งมอบเงินต้นอย่างไรบ้าง ขณะที่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์งานฝีมือจากกลุ่มผู้ก้าวพลาด เรามีแผนที่จะสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อมาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือและส่งเสริมงานฝีมือของผู้ก้าวพลาดอีกทางหนึ่งด้วย”
“ภวัต พลวัฒน์” หัวหน้าเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จ.เชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ก้าวพลาดที่เข้าร่วมโครงการกำลังใจในพระดำริฯ ส่วนใหญ่มีพื้นฐานการทำเกษตรมาก่อน ซึ่งเขาอาจปลูกข้าวโพดบ้าง สับปะรดบ้าง หรือพืชผักผลไม้เมืองหนาวบ้าง แต่พอมาอยู่ที่นี่เราสอนเขาในเรื่องการทำการเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เช่น ทำปุ๋ย ปลูกพืชผักสวนครัว และอบรมจากภายนอกเรื่องวิชาชีพระยะสั้น อย่างที่เงินติดล้อมาอบรมเรื่องของแหล่งทุน การบริหารธุรกิจว่าทำอย่างไร จะไปหาทุนจากที่ไหน หรือทำอย่างไรให้มีผลกำไร ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะผู้ก้าวพลาดเหล่านี้ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย
“ที่สำคัญ การเพาะปลูกแปลงเกษตรต่าง ๆ เราออกแบบให้มี 10 กองงาน แต่ละกองงานจะมีเจ้าหน้าที่เรือนจำคอยดูแล 10 คน และจะมีผู้ก้าวพลาดประจำแต่ละกองงานที่ตัวเองมีความถนัดหมุนเวียนมาทำงาน และแบ่งความรับผิดชอบในการดำเนินงาน เพราะฉะนั้น ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงจะได้ 12 คะแนน ส่วนคนที่รับผิดชอบรองลงมาก็จะมีตั้งแต่ 11 คะแนนไปจนถึง 1 คะแนน เพราะเรามีปันผลรายได้จากผลผลิตที่พวกเขาดูแลแต่ละกองงานด้วย”
“โดยผู้ก้าวพลาดจะได้เงินปันผล 50% ของกำไร ส่วนเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ 15% และเดือน เดือนหนึ่งผู้ก้าวพลาดจะได้เงินปันผลประมาณ 600-1,000 กว่าบาท ขณะเดียวกัน เราก็มีรับจ้างแรงงานข้างนอกด้วย ซึ่งเขาจะได้ค่าจ้างขั้นต่ำประมาณวันละ 310 บาท ดังนั้น ผู้ก้าวพลาดเหล่านี้กว่าเขาจะพ้นโทษจะมีเงินอยู่ในบัญชีประมาณ 1 หมื่นกว่าบาท ซึ่งเขาเองอาจนำเงินจำนวนนี้ หรือในแต่ละเดือนส่งให้กับพ่อแม่พี่น้องและครอบครัวได้ด้วย ขอให้เขาแจ้งความประสงค์มาเราจะดำเนินการให้”
“พยอม ราชสม” หัวหน้ากลุ่มนวัตกรรม และพัฒนาระบบงาน กองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรม และผู้แทนโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา กล่าวเสริมว่า เราเริ่มอบรมโครงการกำลังใจในพระดำริฯ ตั้งแต่ปี 2553 ถึงตอนนี้เราทำการอบรมไปแล้วประมาณ 11-12 รุ่น เพื่อต้องการให้เขาออกไปสู่สังคมแล้วไม่หวนกลับคืนมา เพื่อจะได้ใช้ชีวิตในสังคมที่ดี มีอาชีพที่จะเลี้ยงดูครอบครัว และมีสติในการใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาดำเนินชีวิตของพวกเขา
“ที่สำคัญคือ ไม่อยากให้เขาทำผิดซ้ำ และกลับเข้ามาอีก พระองค์ภาฯ เคยตรัสว่า ถ้าปีหนึ่งเราทำให้คนสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้สัก 1-2 คนก็ดีใจแล้ว เพราะพระองค์อยากให้โครงการนี้เป็นโครงการที่ช่วยทำให้ผู้ก้าวพลาดกลายเป็นคนดี และน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้กับชีวิต และถือว่าโชคดีเพราะจากโครงการนำร่องจากเรือนจำชั่วคราวทั้ง 5 แห่ง และอีก 1 แห่ง คือ ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ปรากฏว่าจำนวนผู้ก้าวพลาดที่เข้าโครงการกำลังใจต่างมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น”
“ที่สำคัญ ตอนนี้เราบรรจุหลักสูตรการให้ความรู้ทางการเงินเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้หลักการเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปงบประมาณของเรือนจำชั่วคราวทุกแห่ง แล้วว่าจะต้องมีการอบรมเรื่องนี้ทุกปี เราก็เลยหวังว่าผู้ก้าวพลาดที่เข้ารับการอบรมคงจะนำองค์ความรู้ทั้งที่จากเรือนจำชั่วคราวต่าง ๆ และจากเงินติดล้อไปปรับใช้กับชีวิต แม้เราจะมีทุนตั้งต้นในการประกอบอาชีพจากกองทุนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ทุนละ 2 หมื่นบาทต่อทุน แต่เรามองว่าถ้าเขาไม่มีความรู้ในการบริหารการเงินเพียงพอ เขาอาจประสบการขาดทุนได้”
“จริง ๆ ทุนของ ป.ป.ส.เราให้ปีหนึ่งไม่เกิน 50 ราย และเป็นทุนให้เปล่าด้วย แต่เขาจะต้องได้รับการรับรองจากพนักงานคุมประพฤติว่าเขาเป็นผู้ต้องขังชั้นดี และมีความประสงค์ที่อยากจะเปลี่ยนชีวิตด้วยการทำมาหากินอย่างสุจริต และที่สำคัญเขาจะต้องเขียนแผนธุรกิจชี้แจงให้ชัดเจนว่าเขาอยากทำอะไร เพื่อที่เราจะได้ดูความตั้งใจจริงของพวกเขา และที่ผ่านมาเราค่อนข้างภูมิใจที่ผู้ก้าวพลาดส่วนใหญ่มักไม่หวนกลับมายังทัณฑสถานอีก”
ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือระหว่างบริษัท เงินติดล้อ จำกัด และโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้”ผู้ก้าวพลาด” กลับมามีคุณภาพชีวิตดียิ่งขึ้น