ห่วงแรงงานต่างด้าว สธ.ลุยตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุก

วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลดลงเหลือน้อยสุดในรอบเกือบ 2 เดือน มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ถึงร้อยละ 92 ของผู้ป่วยทั้งหมดซึ่งหลังจากที่รัฐบาลประกาศผ่อนปรน 6 กิจการในวันที่ 3 พ.ค.นี้ จะมีรายละเอียดคู่มือในการดำเนินการออกมาในหลายกิจกรรม เช่น การออกกำลังกายในสวนสาธารณะ การรับประทานอาหารในร้าน การตัดผม ฯลฯ ซึ่งมีกิจการ/กิจกรรมมากมายไม่สามารถตอบในรายละเอียดได้ทั้งหมด จึงควรกลับมาทบทวนหลักการป้องกันว่าคนที่มีเชื้อแล้วจะนำเชื้อไปสู่คนที่ยังไม่ป่วยได้อย่างไร ซึ่งวิธีติดเชื้อมี 2 ส่วน คือ

ส่วนแรก การที่ทำให้สารคัดหลั่งกระเด็นออกจากตัวไปสู่คนที่อยู่ใกล้ และเข้าทางปาก จมูกโดยตรง ดังนั้นถ้าใส่หน้ากากให้กระชับใบหน้า ทั้งคนที่มีเชื้อและไม่มีเชื้อ ซึ่งขณะนี้เราใส่กันเกือบทุกคน ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ และเว้นระยะห่าง โอกาสแพร่เชื้อก็จะมีสภาพเกือบเป็นศูนย์

ส่วนที่สองคือสารคัดหลั่งอาจติดไปกับมือของคนที่มีเชื้อไปจับสิ่งของต่างๆ เชื้อจะมีชีวิตอยู่บนสิ่งนั้นระยะเวลาหนึ่ง มีข้อมูลว่าอยู่ได้หลายชั่วโมง เมื่อมือไปสัมผัสกับปาก จมูก ก็อาจติดเชื้อได้ จึงขอให้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อสิ่งของ และล้างมือบ่อยๆ เป็นประจำ

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวต่อว่า  จากกรณีของสิงคโปร์ ที่มีการรายงานว่าตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนผู้ป่วยส่วนมากเป็นแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในชุมชนแออัด ซึ่งแรงงานต่างด้าวในสิงคโปร์มีมากกว่า 300,000 ราย ขณะที่ประเทศไทยมีจำนวนแรงงานมากกว่า 3 ล้านรายที่ขึ้นทะเบียน และยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกจำนวนมาก สธ.ก็ได้ตระหนักและกำลังร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการคุมเข้ม เพราะหวั่นจะซ้ำรอยสิงคโปร์ 

ทั้งนี้ประเทศไทยจึงได้มีมาตรการให้ความรู้แรงงานข้ามชาติที่อยู่ในชุมชนต่างๆในรูปแบบเครือข่ายและการสุ่มตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงจำนวนมากขึ้นทำให้อัตราการพบเชื้อต่ำลงจากเดิมในระยะแรกพบผู้ติดเชื้อ4-5%ปัจจุบันเมื่อตรวจตัวอย่างมากขึ้นพบผู้ติดเชื้อประมาณ 1 % และประเทศไทยใช้การตรวจวิธี RT PCR (Real Time PCR) ค่าใช้จ่าย 2,000 กว่าบาทต่อราย หากตรวจ 100 คนพบผู้ติดเชื้อ 1 ราย มีค่าใช้จ่าย 2 แสนกว่าบาท ดังนั้นจึงได้ใช้เทคนิคการตรวจแบบรวมตัวอย่าง (Pooled Sample) เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชนที่มีความเสี่ยงและคาดว่าจะมีการติดเชื้อไม่มาก โดยแทนที่จะตรวจ 100 ครั้งพบผู้ติดเชื้อ 1 คน แต่วิธีนี้จะแบ่งเป็นกลุ่มละ 10 คนและนำตัวอย่างมาตรวจรวมกัน หากกลุ่มใดพบเป็นบวก จะนำตัวอย่างของกลุ่มนั้นมาแยกตรวจเป็นรายบุคคล ซึ่งแทนที่จะตรวจ 100 ครั้ง ก็เหลือเพียง 20 ครั้งพบผู้ป่วย 1 คนเช่นกัน ทำให้รู้ผลเร็ว คุ้มค่า และประหยัดค่าใช้จ่ายในการตรวจได้ 3- 5 เท่า 

“นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข คือขยายการตรวจในกลุ่มที่มีความเสี่ยง และตรวจเพื่อการวินิจฉัยการรักษา และการป้องกันควบคุมโรคข้อสงสัยว่าเรามีผู้ติดเชื้อน้อยเพราะเราตรวจน้อยเกินไปหรือไม่ จากข้อมูลประเทศไทยพบว่าจะมีผู้ป่วยอาการรุนแรง 5 % จำนวนผู้ป่วยปัจจุบันประมาณ 3,000 ราย  หากคิดว่าเรามีผู้ป่วย 10,000 ราย จะต้องมีผู้ป่วยรุนแรง 500 ราย ซึ่งขณะนี้ไม่มี 500 รายดังกล่าว หากมีจะต้องได้รับการดูแลทุกคนเพราะผู้ป่วยในประเทศไทยจะได้รับการรักษาในโรงพยาบาลทุกราย เราไม่ได้ตรวจน้อย แต่ตรวจแบบมีหลักการมีเป้าหมาย”