สมรรถนะ 7 ประการ สำหรับผู้นำยามวิกฤต

คอลัมน์ ถามมา-ตอบไปสไตล์คอนซัลท์

โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

 

“สถานการณ์ สร้างวีรบุรุษ” โบราณเคยกล่าว ๆ เป็นเรื่องจริงแท้เสียนี่กระไร ?

โดยสภาวการณ์ที่โลกกำลังตื่นตระหนกกับปัญหาไวรัสโคโรน่า ที่เปลี่ยนชื่อเป็น “โควิด-19” ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และทำให้การเมืองในหลาย ๆ ประเทศสั่นคลอน กล่าวกันว่าในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ ถือเป็นบทพิสูจน์ภาวะผู้นำ (leadership) ของผู้นำทุก ๆ ประเทศ เพราะต่างต้องเผชิญปัญหาด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจไม่ต่างกัน

ผู้นำชาติไหน “เจ๋ง” และชาติใด “เจ๊ง” ดูได้ไม่ยาก เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในวันนี้ ทำให้ผู้คนทั้งหลายสามารถเข้าถึงข้อมูลของประเทศต่าง ๆ ได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส

ภายใต้ภาวะวิกฤต ความรู้ความสามารถของผู้นำในเรื่องต่อไปนี้จึงมีความสำคัญยิ่ง ซึ่งผมขอสรุปออกมาเป็นสมรรถนะ 7 ประการ สำหรับผู้นำยามวิกฤตที่จะต้องมี คือ

1.ทักษะในการสื่อสาร (communication) – ผมนั่งดูผู้นำแต่ละประเทศพูดคุยและสื่อสารกับประชาชน เห็นได้ชัดเลยว่าใครของจริง ใครของปลอม ผู้นำที่สื่อสารได้ดีจะพูดสั้น กระชับ ตรงประเด็น ที่สำคัญพูดจากใจโดยไม่ต้องใช้โพย ส่วนผู้นำที่สื่อสารไม่ได้เรื่องมักพูดเยิ่นเย้อ วกไปวนมา ไม่มีสาระที่ชัดเจน ขาดพลังที่ทำให้คนฟังรู้สึกฮึกเหิม มีกำลังใจ พร้อมสู้กับภัยพิบัติที่กำลังเผชิญอยู่ ที่สำคัญ อ่านโพยครับ ไม่ได้พูดจากใจ

2.ความสามารถในการตัดสินใจ (decision making) – ในสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้ ไม่มีใครรู้ว่าทางออกไหนถูกต้องที่สุด ข้อมูลมีทั้งจริงและปลอม ข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นต้องมีไม่เพียงพอ ส่วนที่มีอยู่ก็ไม่ค่อยสำคัญ การตัดสินใจภายใต้สภาวะความไม่แน่นอนเป็นเรื่องจำเป็นและมีความเสี่ยง ผู้นำที่เก่งต้องตัดสินใจเด็ดขาด ทันต่อเหตุการณ์และเวลา รวมทั้งกล้ารับผิดชอบหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น โดยไม่โทษนั่นโทษนี่ เอาความดีใส่ตัว ความชั่วโยนให้คนอื่น

3.ทำงานเชิงรุก (proactive) – ผู้นำขั้นเทพ ต้องทำงานเชิงรุก (proactive) ไม่รอให้สถานการณ์สุกงอมจึงค่อยลงมือ แต่คาดเดาปัญหาต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าและชิงลงมือก่อนที่สถานการณ์จะบังคับให้ต้องทำ ผู้นำขั้นธรรมดาทำงานอย่างตั้งใจ (active) วิ่งวุ่นทั้งวันเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถคาดการณ์อนาคตหรือมองได้ไกลไปหลาย ๆ ชอต เพียงแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนผู้นำชั้นเลว ทำงานเชิงรับ (reactive) รอให้สถานการณ์เกิดขึ้นก่อนจนคนรอบด้านทนไม่ไหว สร้างความกดดันขึ้น เมื่อจวนตัวจึงเริ่มต้นลงมือทำ

4.เก่งเรื่องการใช้คน (people savvy) – ผู้นำที่ดีต้องไม่ทำเองทุกอย่าง แต่รู้ว่าใครเก่งเรื่องอะไร ใช้เขาเรื่องนั้น ที่สำคัญผู้นำที่ชาญฉลาดจะแวดล้อมตัวเองไปด้วยคนที่ใช่ (right people) และมีคุณภาพ ผู้นำห่วย มักห้อมล้อมด้วยลิ่วล้อที่คอยเอาอกเอาใจ ประจบสอพลอ “เหมาะสมครับพี่ ดีครับนาย ได้ครับท่าน” คอยล้อมหน้าล้อมหลังไปวัน ๆ ให้ข้อมูลผิด ๆ หรือไม่ครบถ้วน เพียงเพราะอยากให้เจ้านายพอใจ ไม่อารมณ์เสีย

5.เปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา (transparent) – ผู้นำที่ดีต้องไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่ปกป้องคนใกล้ชิดที่ทำผิดกติกา กล้าเผชิญหน้ากับความจริงแม้เป็นสิ่งที่เจ็บปวด ผิดก็ขอโทษแล้วปรับปรุงใหม่ โดยไม่เพ่งโทษ หรือโยนความผิดให้ใคร ที่สำคัญต้องไม่ทำผิดซ้ำ ๆ อย่างเดิมแล้วออกมาขอโทษอยู่ร่ำไป

6.จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำได้ดี (priority setting) – ท่ามกลางความวุ่นวาย ย่อมมีผู้หวังดีมากมายที่ให้คำแนะนำ และเสนอตัวช่วยเหลือ ปัญหาและกิจกรรมต่าง ๆ ประดังประเดเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ ความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญของผู้นำ เป็นทักษะที่จำเป็นยิ่ง อะไรด่วน อะไรสำคัญ อะไรมาก่อน อะไรมาหลัง ไม่มีสูตรสำเร็จ และไม่มีคำตอบตายตัว เวลาและทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด ผู้นำตัดจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง

7.ราศีของความเป็นผู้นำ (charisma) – ข้อนี้แก้ยาก ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของบุญกรรม ผู้นำบางคนหน้าตาไม่ได้สวยหรือหล่อ แต่ดูมีออร่า ผู้นำบางคนแต่งยังไงก็ดูไม่ไหว ไม่มีราศีมีแต่ราคี บุคลิกเหล่านี้พอปรับปรุงได้บ้างแม้ไม่ทั้งหมด ความใส่ใจในเสื้อผ้าหน้าผม และการดูแลสุขภาพของร่างกายให้ดูดีมีความสง่างาม เป็นสิ่งที่พอทำได้ถ้าสนใจและให้ความสำคัญ จริงอยู่แม้เรื่องเหล่านี้จะดูเหมือนเป็นสิ่งนอกกาย แต่คนส่วนใหญ่ก็ตัดสินเราจากลักษณะภายนอกที่เขาเห็น ก่อนจะได้รู้จัก และฟังความคิดเห็นที่อยู่ลึก ๆ ภายในจากเรา

สมรรถนะทั้ง 7 ประการที่ผมกล่าวมานี้ ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง ในโลกนี้มีผู้นำหลายคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้ง 7 ประการ ดังเช่น ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน

บางคนอาจไม่สบายใจว่าทำไมผมถึงมองคนชาติอื่นดีกว่าชาติของตัวเอง…เปล่าครับ อันที่จริงผู้นำไทยเก่ง ๆ ก็มีมากมายหลายคน แต่ผมกำลังอธิบายผู้นำระดับชาติครับ

แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ตอนนี้ผมพูดได้อย่างเดียวครับว่า

…ประเทศไทยต้องชนะ