เฟซบุ๊ก สร้างผู้นำชุมชน เชื่อมต่อผู้คนปลุกพลังบวกสู้ไวรัส

การรักษาการเชื่อมต่อกันระหว่างผู้คนทางสังคมออนไลน์มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่โควิด-19 แพร่ระบาด และมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งความท้าทายเช่นนี้ทำให้ Facebook ต้องการมีบทบาทช่วยเหลือคนไทยมากขึ้น จึงจัดงาน Thailand Community Day เป็นครั้งแรก เพื่อมอบพลังให้แก่ผู้คนในการสร้างชุมชนออนไลน์และเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกให้ใกล้ชิดกัน

“เกรซ แคลปแฮม” หัวหน้าฝ่ายพันธมิตร และโครงการเพื่อชุมชนประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก Facebook กล่าวว่าในสถานการณ์เช่นนี้ มีผู้คนใช้งานเฟซบุ๊กเพื่อค้นหาข้อมูล แชร์ข้อมูล และสื่อสารกันเพิ่มขึ้นอย่างมาก

“มากกว่า 45 ล้านคนในประเทศไทยเป็นสมาชิกของกลุ่มบนเฟซบุ๊กกว่า 6 ล้านกลุ่ม มีการทำกิจกรรม และการเชื่อมต่อกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ผ่านมา ส่วนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีผู้คนจำนวนกว่า 650 ล้านคนที่เป็นสมาชิก และมีส่วนร่วมในกลุ่มบนเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาเดียวกัน โดยกลุ่มต่าง ๆ บนเฟซบุ๊กมีความหลากหลาย ตั้งแต่กลุ่มการเลี้ยงลูก ไปจนถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ กลุ่มด้านเทคโนโลยีคลาวด์ซอร์ซิ่ง กลุ่มด้านการศึกษา และอื่น ๆ อีกมาก”

“การจัดงาน Thailand Community Day ครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการเชื่อมต่อผู้คนทั่วประเทศ และทั่วโลก ทั้งยังทำให้แน่ใจว่าผู้นำชุมชนต่าง ๆ บนเฟซบุ๊กจะได้รับการสนับสนุนที่จำเป็น เช่น ข้อมูลวิธีการบริหารจัดการ และสร้างชุมชนในเฟซบุ๊กให้เติบโต เพื่อช่วยให้สมาชิกในกลุ่มใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น บนแพลตฟอร์มออนไลน์ช่วงสถานการณ์โควิด-19 จึงมีเครื่องมือเข้าถึงข้อมูลเพื่อนำไปใช้เผยแพร่ที่ถูกต้อง เพื่อลดการแพร่กระจายของข่าวปลอมเกี่ยวกับโควิด-19 อันจะสร้างความตื่นตระหนกและความเข้าใจผิดในสังคม”

“ทั้งยังแนะนำให้เลือกตั้งค่าอนุมัติโพสต์ต่าง ๆ เพื่อคัดกรองเนื้อหา ตั้งค่าการแจ้งเตือนคำสำคัญเกี่ยวกับโควิด-19 ที่ปรากฏในความคิดเห็น และเลือกลบโพสต์ที่มีเนื้อหาด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้รับการรับรอง”

“เกรซ แคลปแฮม” กล่าวต่อว่าเฟซบุ๊กยังมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนผู้นำชุมชนอื่น ๆ เช่น โครงการ Community Accelerator ซึ่งเป็นโครงการที่มีระยะเวลา 6 เดือน และถูกเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยวัตถุประสงค์คือการจัดการฝึกอบรม, ให้คำปรึกษา และจัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนผู้นำในการสร้างชุมชนเฟซบุ๊กของพวกเขาให้เติบโต

“โครงการนี้เป็นวิวัฒนาการจากโครงการ Facebook Fellowship ที่เราให้การสนับสนุนผู้นำชุมชนจำนวน 115 คนทั่วโลก โดยที่มาของโครงการเกิดจากการที่เรารับรู้ว่าโครงการต่าง ๆ ของผู้นำชุมชนบนเฟซบุ๊กได้สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้คนจำนวนกว่า 1.9 ล้านชีวิต เป็นจำนวนกว่า 580,000 ชีวิตในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งนี้ที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนกว่า 200,000 คนจากกว่า 50 ประเทศรวมตัวกันแบบออฟไลน์ในพื้นที่ที่ปลอดภัยเพื่อทำประโยชน์ร่วมกัน และกว่าร้อยละ 88 ของผู้ที่เข้าร่วมโครงการได้นำสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ไปปรับใช้จริง”

“รวมถึงโครงการ Community Leadership เป็นโครงการระดับโลกของเฟซบุ๊ก ที่ประกอบด้วยการนำเสนอข้อมูลน่าเชื่อถือเกี่ยวกับโควิด-19 เช่น จากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization-WHO) แก่ผู้นำชุมชน, โครงการ Learning Labs เป็นการเชื่อมต่อแอดมินกลุ่มผ่านห้องเรียนดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ, โครงการ Power Admin Groups ที่รวบรวมผู้นำชุมชนกว่า 40,000 คน มาแบ่งปันคำแนะนำให้กลุ่มอื่น ๆ และทำการทดสอบฟีเจอร์ใหม่ ๆ บนเฟซบุ๊ก เพื่อแสดงความคิดเห็นให้เรานำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น, โครงการ Community Hub เพื่อเปิดโอกาสให้ใครก็ตามสามารถเข้าถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ รวมถึงการสัมมนาประจำเดือนผ่านช่องทางออนไลน์”

“เกรซ แคลปแฮม” กล่าวต่อว่าในปี 2561 คุณฉัตรชัย อภิบาลพูนผล ผู้นำจากกลุ่ม Run2gether (วิ่งด้วยกัน) ในประเทศไทยได้รับคัดเลือกเข้าโครงการ Facebook Community Leadership Program เพราะเฟซบุ๊กเล็งเห็นว่า กลุ่ม Run2gether มีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมจากการขยายการดำเนินงานของชุมชนจาก 4 พื้นที่ เป็น 10 พื้นที่ ส่งผลให้กลุ่มมีสมาชิกเพิ่มขึ้น

“โดยกลุ่มมีการจัดมหกรรมงานวิ่งในกรุงเทพฯ และมีชุมชนชาวต่างชาติเข้าร่วม มีการจัดกิจกรรมออกกำลังกายออนไลน์ให้กับนักวิ่งผู้พิการ ที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมวิ่ง ด้วยการนำนักวิ่งมารวมตัวกันมากกว่า 2,000 ชีวิต โดยมีนักวิ่งอาสา หรือไกด์รันเนอร์ 3,000 คนคอยเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการอยู่ร่วมกันของผู้พิการ และไม่พิการในวงการวิ่งมากยิ่งขึ้น”

“นอกจากกลุ่ม Run2gether ยังมีอีกหลายกลุ่มบนเฟซบุ๊กที่มีอิมแพ็กต์ต่อสังคมไทย เช่น กลุ่ม Thailand Restaurant Rescue ที่ช่วยร้านอาหารไทยต้านภัยโควิด-19 โดยสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาเดียวกัน, กลุ่มผู้นำชุมชน Courageous Kitchen ที่สนับสนุนด้านการเข้าถึงอาหารแก่เยาวชนที่ด้อยโอกาสและมาจากชุมชนชายขอบ รวมถึงกลุ่มผู้ก่อตั้งชุมชน Read for the Blind และกลุ่มช่วยอ่านหน่อยนะ (Help Us Read) เพื่อผู้พิการทางด้านสายตา”

นับว่าเฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ที่ทำให้คนไทย และคนทั่วโลกยังคงเชื่อมต่อกันในช่วงเว้นระยะห่างทางร่างกายในสังคมเพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งยังส่งเสริมการมีส่วนร่วม และการสนับสนุนซึ่งกันและกันผ่านช่องทางออนไลน์ ขณะที่ทุกคนกำลังผจญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตอยู่ขณะนี้