ดูแลพนักงานสไตล์ “นิสสัน” ผ่านวัฒนธรรมองค์กรเพื่อสู้ไวรัส

"ราเมช นาราสิมัน" ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีมากขึ้น และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นิสสันจึงให้ความสำคัญกับการบริหารพนักงานด้วยการส่งเสริมปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และความสุขในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันโลกของการทำงานกำลังเปลี่ยนแปลง และเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้องค์กรต้องเร่งปรับตัวในการทำงานเพื่อเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าพนักงานจะทำงานอยู่ที่ไหนก็ตาม

“ราเมช นาราสิมัน” ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่นิสสันมีความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่สามารถบริหารจัดการองค์กรไปได้อย่างราบรื่น เป็นเพราะบริษัทมีพื้นฐานวัฒนธรรมองค์กร 3 ด้าน คือ หนึ่ง trust การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานให้คนองค์กรที่มีความเชื่อใจกันและกัน โดยตอนนี้บริษัทมีนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านเพื่อเว้นระยะห่างทางสังคมลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในฐานะที่เป็นผู้บริหาร และหัวหน้า ต้องไว้วางใจเชื่อใจพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่จากบ้าน โดยดูที่ผลงานเป็นหลัก

สอง transparency เปิดใจ เนื่องจากเราบอกกับพนักงานว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ และบริษัทคอยปกป้องพนักงานเสมอ แต่เมื่อมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น อย่าซ่อนปัญหา จงรีบบอกดีกว่าจะสายเกินแก้ และพนักงานต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดและพัฒนาให้ดีขึ้น เพราะเราเชื่อว่าคนเติบโตด้วยการเรียนรู้ข้อผิดพลาด

สาม empowerment การส่งเสริมและให้กำลังใจพนักงานในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ นิสสันเชื่อมั่นว่าพนักงานมีความเชี่ยวชาญในงานของตน และบริษัทมีบทบาทในการส่งเสริมไม่ใช่ควบคุม ทั้งนี้ เมื่อทุกคนในองค์กรเชื่อในสิ่งเดียวกัน และมีวัฒนธรรมเดียวกันจะทำให้เราสามารถผ่านอุปสรรคไปด้วยกันได้

“ส่วนของพนักงานประจำสำนักงานตอนนี้ทำงานจากที่บ้าน 95% อาจมีบางคนต้องเข้ามาในออฟฟิศเพื่อใช้อุปกรณ์ที่จำเป็นบางอย่าง ในฐานะผู้นำ ผมจำเป็นต้องทำงานจากบ้านเช่นกัน เพื่อไม่ให้พนักงานรู้สึกกดดันหรือรู้สึกผิดที่ต้องทำงานที่บ้าน โดยผมทำงานจากบ้านอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ในส่วนของโรงงาน เราเปิดทำงาน 1 ไลน์การผลิตเท่านั้น และมีระบบเพื่อให้มั่นใจว่ามีระยะห่างทางสังคมในโรงงานเพียงพอ และมีการวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงาน มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น หน้ากาก, ถุงมือ, แอลกอฮอล์ทำความสะอาดอย่างเพียงพอ และค่าตอบแทนเรายังดำเนินไปอย่างปกติ ซึ่งหลังจากนี้เราจะยังคงให้พนักงานในส่วนสำนักงานดำเนินการทำงานที่บ้าน โดยจัดทีมทำงานอย่างสมดุล”

นิสสัน ประเทศไทย มีพนักงานทั้งในสำนักงาน และโรงงานรวมกว่า 6 พันคน ซึ่งการบริหารคนจำนวนมากถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการพบปะพูดคุยกับพนักงานอย่างทั่วถึง สำหรับเรื่องนี้ “ราเมช นาราสิมัน” บอกว่า ตอนมารับตำแหน่งใหม่ที่ประเทศไทยเมื่อปี 2562 เราจัดกิจกรรม listening tour (การเดินสายรับฟังความคิดเห็น) ใน 3 เดือนแรกของการทำงาน

“โดยเดินทางไปพบพนักงานในทุกพื้นที่ที่นิสสันมีสาขาอยู่ เพื่อพบพนักงานจากทุกแผนก ฟังสิ่งที่พนักงานต้องการ แล้วกลับมาดูว่าบริษัทสามารถทำอะไรให้ดีขึ้นเพื่อพวกเขาได้บ้าง และควรจะโฟกัสเรื่องอะไร ซึ่งทำให้องค์กรทำงานร่วมมือกันอย่างดี แล้วนิสสัน ประเทศไทย จะก้าวไปข้างหน้าได้ นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรม town hall ที่เป็นการประชุมพนักงานทุกควอร์เตอร์ในทุกพื้นที่ด้วย เพราะข้อมูลจากเสียงสะท้อนทั้งหมดจากพนักงาน เป็นประโยชน์ต่อการวางแนวทางในการบริหารองค์กร”

“ผมมองว่าการสื่อสารคือสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลคนในองค์กร โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องสื่อสารกับพนักงานสม่ำเสมอ ผ่านทุกช่องทางที่ทำได้ เช่น ออนไลน์ และโทรศัพท์ เพื่อคอยให้ข้อมูลกับพนักงานว่า องค์กรกำลังเผชิญความท้าทายอะไรอยู่ และมีแผนจะดำเนินการอย่างไร นอกจากนั้น ยังคอยอัพเดตความรู้ในการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคดังกล่าวด้วย เมื่อพนักงานได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของบริษัทอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้พวกเขาเกิดความมั่นใจในบริษัท และมีกำลังใจทำงานมากขึ้น”

“นอกจากนั้น นิสสันให้ความสาคัญกับการเรียนรู้ และพัฒนาบุคลากร (learning & development) เป็นอย่างมาก เราส่งเสริมให้มีการเรียนรู้และพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานให้มีประสิทธิภาพและมีความพร้อมในการช่วยขับเคลื่อนนิสสันไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน โดยที่ผ่านมาเราวางระบบการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะของพนักงานโดยมีทั้งการฝึกอบรม สัมมนา เวิร์กช็อปหลักสูตรต่าง ๆ ในรูปแบบห้องเรียน ควบคู่ไปกับระบบการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ e-Learning : Learning @ Alliance เพื่อเป็นอีกช่องทางในการส่งเสริมโอกาสการสร้างภาวะความเป็นผู้นำ สำหรับพนักงานของนิสสัน”

“ราเมช นาราสิมัน” อธิบายต่อว่า ระบบการเรียนรู้แบบออนไลน์เป็นรูปแบบเฉพาะตัวขององค์กรที่เรียกว่า e-Learning : Learning @ Alliance เป็นการมอบโอกาสการเรียนรู้และฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน โดยผสานการเรียนรู้แบบออนดีมานด์ (on-demand) ที่รวม 4 แพลตฟอร์มชั้นนำให้พนักงานได้เลือกเรียนได้ตามความต้องการ เช่น LinkedIn Learning หลักสูตรการเรียนรู้แบบออนไลน์ซึ่งเน้นเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจ), Harvard ManageMentor คอร์สฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะในการบริหารจัดการธุรกิจสู่ความสำเร็จ, getAbstract ห้องสมุดออนไลน์ที่รวบรวมบทคัดย่อของหนังสือทางด้านธุรกิจชั้นนำไว้มากที่สุดในโลก และ Get Control หลักสูตรการบริหารเวลาอย่างมืออาชีพ

“ทั้งนี้ การปรับตัวของการดำเนินงานในส่วนของ learning & development ให้เข้ากับสถานการณ์โควิด-19 บริษัทได้ปรับรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียนแบบ face-to-face ทั้งหมดไปเป็นแบบ flipped classroom หรือห้องเรียนกลับด้าน ที่เปลี่ยนบทบาทของผู้เรียนให้เป็นผู้ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองผ่านเทคโนโลยีที่บริษัทจัดหาให้ ก่อนเข้าร่วมชั้นเรียนและมาทำกิจกรรมออนไลน์ โดยมีผู้ฝึกอบรมคอยแนะนำแนวทาง”

“ส่วน new normal ที่จะเกิดขึ้นที่นิสสันหลังจากโควิด-19 นอกเหนือจากการทำงานที่บ้านแล้ว ผมเชื่อว่าบริการ drive at your home ซึ่งเป็นการส่งรถให้ลูกค้าทดลองขับถึงบ้านจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยนิสสันดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ เช่น ทำความสะอาดรถด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งภายในและภายนอก, มีบันทึกการทำความสะอาดทุกคัน, วัดอุณหภูมิลูกค้าและที่ปรึกษาการขาย, พนักงานส่งรถมีการใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น”

“นอกจากนั้น ที่ศูนย์นิสสันทั่วประเทศมีมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยดูแลความสะอาดภายในศูนย์บริการโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุก ๆ 30 นาที ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานผู้ปฏิบัติงาน และลูกค้าที่เข้ารับบริการทุกท่าน พนักงานทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือสำหรับให้บริการลูกค้าอย่างเพียงพอ ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็ดทำความสะอาดรถยนต์บริเวณจุดสัมผัส เช่น พวงมาลัย, เกียร์, เบาะ, คอนโซลหน้า และอื่น ๆ”

นับว่ากลยุทธ์บริหารคนของนิสสันมุ่งเน้นการเข้าถึงพนักงาน ส่งเสริมศักยภาพ และเชื่อใจคนในองค์กร ซึ่งช่วยขับเคลื่อนให้องค์กรเดินหน้าได้อย่างราบรื่นในภาวะเช่นนี้ ทั้งยังเป็นการวางแนวทางในการบรรลุเป้าหมายในอนาคตด้วย