“ลอรีอัล” ช่วยร้านเสริมสวย มอบความรู้-ก้าวผ่านวิกฤตไวรัส

ลอรีอัล ประเทศไทย จัดทำ “โครงการ L”Oreal Thailand Salon Solidarity” ช่วยเหลือ และสนับสนุนร้านตัดผม-เสริมสวยให้ปรับตัวจากวิกฤตโควิด-19 เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดบริการได้ทันทีเมื่อได้รับมาตรการผ่อนปรนจากภาครัฐ โดยร่วมมือกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดบรรยายให้ความรู้รายละเอียดมาตรการด้านสุขอนามัย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมจัดโปรแกรมการฝึกอบรมให้แก่ร้านทำผม-เสริมสวยทั่วประเทศ

“อินเนส คาลไดรา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ช่างทำผมมืออาชีพมีความสำคัญมากกับสังคมไทย โดยจากการจัดทำแบบสำรวจคนไทย 1,060 คน ระหว่างวันที่ 30 เม.ย.-4 พ.ค. 2563 พบว่า 85% ของผู้ตอบแบบสำรวจตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้บริการทำผมที่ร้านในช่วงระหว่างล็อกดาวน์ และจากจำนวนผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 70% รู้สึกว่าการที่ไม่สามารถรับบริการจากช่างผมมืออาชีพส่งผลกระทบต่อทั้งทางสุขภาวะและความมั่นใจของตนเอง

“หลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนให้ร้านตัดผม-เสริมสวยกลับมาเปิดบริการ ตัด สระ ไดร์ ได้อีกครั้ง จำนวน 41% ของผู้ตอบแบบสำรวจรู้สึกมั่นใจที่จะใช้บริการตัดผม-เสริมสวย โดยกว่า 78% อยากจะกลับไปใช้บริการภายในสัปดาห์แรกทันที และ 2 ใน 3 เชื่อว่าร้านที่ใช้บริการเป็นประจำจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้อย่างถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ ร้านตัดผม-เสริมสวยจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ธุรกิจ แต่ยังเป็นบริการที่ช่วยผู้คนให้มีความมั่นใจและมีความสุข”

“ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลอรีอัลทั้งในระดับโลก และระดับประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการในการสนับสนุนธุรกิจร้านทำผม-เสริมสวย ภายใต้โครงการ “Salon Solidarity” มากมาย โดยวัตถุประสงค์หลักคือช่วยให้ธุรกิจสามารถให้บริการอย่างปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะลอรีอัล กรุ๊ป เคียงข้างร้านตัดผม-เสริมสวยมามากกว่า 110 ปี เราจึงต้องการตอกย้ำจุดยืนในการสนับสนุนธุรกิจร้านตัดผม-เสริมสวย และช่างผม”

“สำหรับภารกิจระดับโลกบริษัทได้มอบหน้ากากอนามัยจำนวน 8.5 ล้านชิ้นให้แก่ธุรกิจร้านทำผม-เสริมสวยในยุโรป และอีกกว่า 20 ล้านชิ้นในสหรัฐอเมริกา และเดินหน้าจัดหาหน้ากากอนามัยให้ประเทศอื่น ๆ ต่อไป นอกจากนี้ ยังได้มอบเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดจำนวน 3.5 ล้านขวด พร้อมเดินหน้าผลิตเพิ่มอย่างต่อเนื่องด้วยโรงงานภายในเครือ เพื่อมอบให้แก่ร้านทำผม-เสริมสวยทั่วโลก”

“อินเนส คาลไดรา” กล่าวต่อว่า ส่วนหนึ่งในมิติของการช่วยเหลือที่สำคัญภายใต้โครงการ L”Oreal Thailand Salon Solidarity ในระดับประเทศไทย คือ ด้านสุขอนามัย โดยในช่วงแรกของการระบาดลอรีอัลได้จัดหาเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดให้ร้านพันธมิตร และมอบหน้ากากเฟซชีลด์จำนวน 2,500 ชิ้นให้แก่ร้านทำผม-เสริมสวย เพื่อสนับสนุนด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยของช่าง และลูกค้า

“ต่อมาได้ร่วมมือกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดบรรยายถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก ให้ความรู้ด้านสุขอนามัย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จับมือกับภาคเอกชน โดยการบรรยายออนไลน์ดังกล่าวได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากช่างผม และร้านเสริมสวยทั่วประเทศ เนื่องจากมีผู้รับชมมากกว่า 10,000 ครั้ง”

“นอกจากนี้ยังได้ช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการเปิดให้บริการธุรกิจร้านทำผม-เสริมสวยภายใต้การบังคับใช้มาตรการเป็นอย่างดี เช่น มาตรการการป้องกันของช่างผู้ให้บริการ วิธีทำความสะอาดเครื่องมือ แนวทางการเว้นระยะห่างในร้าน จัดระบบระบายอากาศ และการจัดระเบียบการให้บริการและรับจองล่วงหน้า”

“อินเนส คาลไดรา” กล่าวว่า การฝึกอบรมออนไลน์สำหรับช่างผมเป็นการจัดทำทั่วโลก ผ่าน L”Oreal Access แพลตฟอร์มออนไลน์ ให้บริการครอบคลุมกว่า 20 ประเทศ โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แพลตฟอร์มดังกล่าวมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นจาก 42,000 คน เป็น 100,000 คน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ส่งเสริมการเรียนรู้ออนไลน์ให้แก่ช่างทำผมผ่านเฟซบุ๊กของบริษัท ใน 16 หัวข้อ และส่งเสริมเจ้าของธุรกิจให้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและคู่ค้าอย่างต่อเนื่องผ่านโซเชียลมีเดีย

“ขณะที่ธุรกิจร้านทำผม-เสริมสวยถูกปิดชั่วคราว ลอรีอัล ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับฝ่ายธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมของ Facebook ประเทศไทย ให้การฝึกอบรมออนไลน์เกี่ยวกับเครือข่ายสังคมค้าขายออนไลน์ (social commerce) ให้แก่เจ้าของธุรกิจร้านทำผม-เสริมสวยทั่วประเทศ เพื่อให้พวกเขามีช่องทางในการหารายได้เพิ่มเติม”

“นอกจากนี้ การให้บริการตัดผมแก่บุคลากรทางการแพทย์ ลอรีอัล ประเทศไทย กำลังรวบรวมทีมช่างผมจากร้านทำผม-เสริมสวยพันธมิตร เพื่อให้บริการตัดผมแก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ให้บริการเป็นด่านหน้าในโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานครโดยไม่มีค่าใช้จ่าย”

ลอรีอัลเชื่อว่าการให้ความช่วยเหลือในหลากหลายมิติ ภายใต้โครงการ L”Oreal Thailand Salon Solidarity นี้จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยให้ร้านตัดผม-เสริมสวย สามารถฝ่าวิกฤต ปรับตัวและกลับมาฟื้นธุรกิจภายใต้ new normal อย่างรวดเร็วที่สุด