โฉมหน้า CSR หลังโควิด

แฟ้มภาพ
คอลัมน์ CSR Talk
พิพัฒน์ ยอดพฤติการ

 

ประเด็นวิกฤตโควิด-19 ทำให้องค์กรในภาคธุรกิจต่างออกมาร่วมช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การบริจาคกระทั่งถึงการปรับสายการผลิตเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกัน คัดกรอง และลดการระบาดของโรค จนทำให้ไทยเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของโลกที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

การถอดบทเรียนความช่วยเหลือขององค์กรธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา สามารถจำแนกออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ กลุ่มที่ใช้การบริจาคนำในแบบ corporate philanthropy ด้วยการมอบเงิน, เวชภัณฑ์, วัสดุทางการแพทย์ (เป็น CSR after process) กับกลุ่มที่นำ core business ขององค์กรมาใช้ในการช่วยเหลือ (เป็น CSR in process)

สำหรับความช่วยเหลือในรูปของการบริจาคเงิน, เวชภัณฑ์, วัสดุทางการแพทย์ในแบบ corporate philanthropy ในช่วงสถานการณ์มีให้เห็นอยู่ในทุกองค์กรธุรกิจที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ส่วนตัวอย่างของการนำ core business ขององค์กรมาใช้ในการช่วยเหลือช่วงสถานการณ์ โดยในกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ไทยวาโก้ และซาบีน่ามีการปรับสายการผลิตชุดชั้นในมาผลิตหน้ากากอนามัย, ในกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง เอสซีจีมีการนำเทคโนโลยีการสร้างบ้าน SCGHEIM มาสร้างห้องตรวจและคัดกรองโควิด-19 และในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี จีซี มีการนำนวัตกรรมจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและพลาสติกของบริษัทมาผลิตชุด PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ความรับผิดชอบต่อสังคมของกิจการ หรือ CSR ในช่วงสถานการณ์โควิด จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือจัดลำดับความสำคัญใหม่ เนื่องจากรูปแบบกิจกรรม CSR ที่ดำเนินอยู่ในสถานการณ์ปกติ ไม่สามารถตอบโจทย์และรองรับกับสถานการณ์ได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่องค์กรต้องการช่วยเหลือ

จึงทำให้กิจกรรมเพื่อสังคมในรูปของการบริจาคช่วยเหลือชุมชน อาจต้องหันมาเน้นที่การดูแลปกป้องพนักงาน การช่วยเหลือดูแลผู้ส่งมอบ และคู่ค้าในห่วงโซ่ธุรกิจที่ถูกกระทบ หรือการปรับตัวตามสภาพตลาด และรูปแบบหรือพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงสถานการณ์

สำหรับการขับเคลื่อน CSR หลังสถานการณ์โควิด-19 จะมีทิศทางที่ถูกกำหนดเป็นกรอบการดำเนินงานภายใต้ 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านกลยุทธ์, ด้านนโยบายและสวัสดิการ, ด้านแรงงาน และสถานปฏิบัติงาน และด้านชุมชน โดยมีแนวปฏิบัติทางธุรกิจ (business practices) ที่ประกอบด้วยวัฒนธรรมสุขภาพ, ข้อปฏิบัติทางการตลาดที่รับผิดชอบ, การประกันสุขภาพ, ความมั่นคงในตำแหน่งงาน, ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในชุมชน เป็นต้น

แนวปฏิบัติทางธุรกิจดังกล่าวจะไปเกื้อหนุนปัจจัยด้านสุขภาพ(health determinants) โดยรวม และยังก่อให้เกิดผลลัพธ์ทั้งทางธุรกิจ(business outcomes) และทางสุขภาพ(health outcomes) ในเชิงบวก ซึ่งจะส่งผลกระทบไปสู่การตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG impact) ทั้งในระดับเป้าหมาย (targets)และตัวชี้วัด (indicators) อาทิ รายจ่ายด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน (SDGs 3.8, 8.8) การลงทุนชุมชน (SDGs 17.17.1) ฯลฯ

สถานการณ์โควิด-19 ได้ทำให้โฉมหน้า CSR ขององค์กรธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยเรื่องวัฒนธรรมสุขภาพจะเป็นประเด็นสาระสำคัญในกระบวนการวิเคราะห์สารัตถภาพเพื่อการพัฒนาสู่ความยั่งยืนขององค์กร และจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การปรับตัวสู่ภาวะปกติสืบเนื่องไปในระยะยาว (resilience) ของกิจการ