ค่าวิชาชีพ รวมใน “ค่าจ้าง”

ค่าจ้าง-เงินเดือน
คอลัมน์ เอชอาร์คอร์เนอร์
ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ http://tamrongsakk.blogspot.com

เมื่อไหร่ที่จั่วหัวมาแบบนี้รับรองได้ว่าจะเป็นประเด็นเรียกแขกทุกที เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่จะนำไปสู่การปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ผมยกตัวอย่าง เช่น บริษัทจ้างวิศวกรเข้ามาที่เงินเดือน 25,000 บาท และมี “ค่าวิชาชีพ” เนื่องจากวิศวกรต้องใช้วิชาชีพด้านวิศวกรรมอีกเดือนละ 3,000 บาท

ตกลงว่า “ค่าจ้าง” ของวิศวกรคนนี้เป็นเท่าไหร่ครับ 25,000 บาทหรือ 28,000 บาท ?

ต้องมาเคลียร์กันตรงนี้ให้ดีว่า ถ้าวิศวกรคนนี้ทำงานล่วงเวลา ฐานในการคำนวณค่าล่วงเวลาควรจะเป็น25,000 บาท หรือ 28,000 บาท เพราะถ้าใช้ฐานในการคำนวณไม่ถูกต้องแล้ว วิศวกรคนนี้ไปร้องเรียนแรงงานเขตพื้นที่ หรือไปฟ้องศาลแรงงานว่า บริษัทคำนวณค่าล่วงเวลาโดยใช้ฐานค่าจ้างไม่ถูกต้อง จะทำให้บริษัทแพ้คดี แล้วต้องมาจ่ายเงินย้อนหลัง แถมเสียชื่อเสียงอีกต่างหาก

เพราะในกฎหมายแรงงานไม่มีคำว่า “เงินเดือน” มีแต่คำว่า “ค่าจ้าง” น่ะสิครับ !

เราถึงต้องมาดูนิยามของคำว่า “ค่าจ้าง” ตามมาตรา 5 ของกฎหมายแรงงาน ดังนี้

“ค่าจ้าง” หมายความว่า เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญาจ้างสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือระยะเวลาอื่น หรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน และให้หมายความรวมถึงเงินที่นายจ้างจ่ายแก่ลูกจ้างในวันหยุด และวันลาที่ลูกจ้างมิได้ทำงาน แต่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามพระราชบัญญัตินี้

เมื่อดูจากนิยามข้างต้น ค่าจ้างคือเงินที่เป็นค่าตอบแทนการทำงานที่จ่ายให้ลูกจ้างในเวลาทำงานปกติครับ ถ้ามีเงินใดที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างเข้าข่ายนี้ก็เป็นค่าจ้างครับ

หรือค่าล่วงเวลาก็ไม่ถือเป็นค่าจ้างครับ เนื่องจากเป็นค่าตอบแทนการทำงานที่จ่ายนอกระยะเวลาทำงานปกติ

ตัวอย่างของวิศวกรที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้นนั้น ถ้าท่านเข้าใจคำนิยามของคำว่า “ค่าจ้าง” ดีแล้ว ท่านจะตอบได้เลยนะครับว่า ตกลงค่าจ้างของวิศวกรคนนี้คือเท่าไหร่กันแน่ ผมให้เวลาท่านลองคิดดูก่อนนะครับ…ติ๊กต่อก…ติ๊กต่อก

คำตอบคือค่าจ้างของวิศวกรคนนี้ คือ 28,000 บาทครับ เพราะว่าค่าวิชาชีพ 3,000 บาท ถือเป็นค่าจ้างด้วย เนื่องจากเป็นค่าตอบแทนการทำงานในตำแหน่งวิศวกรที่จำเป็นต้องใช้วิชาชีพวิศวกรรมในการทำงาน ถ้าหากเป็นตำแหน่งงานอื่นที่ไม่ต้องใช้วิชาชีพด้านวิศวกรรม บริษัทก็ไม่ได้จ่ายค่าวิชาชีพให้นี่ครับ

จากตัวอย่างข้างต้น ผมเชื่อว่าหลายบริษัทยังใช้ 25,000 บาท หรือใช้เฉพาะ “เงินเดือน” เป็นฐานในการคำนวณค่าล่วงเวลาอยู่ใช่ไหมครับ ?

จึงสรุปเรื่องค่าจ้างได้ตรงนี้ว่าเงินเดือนเป็นค่าจ้าง แต่ค่าจ้างไม่ได้มีเฉพาะเงินเดือน !

เงินอื่นที่เข้าข่ายค่าจ้างตามมาตรา 5 เช่น ค่าครองชีพ, ค่าภาษา, ค่าวิชาชีพ,ค่าตำแหน่ง, เงินที่จ่ายเป็นประจำทุกเดือนโดยไม่มีเงื่อนไข, ค่าคอมมิสชั่นที่จ่ายให้โดยคิดจากเปอร์เซ็นต์ของยอดขายเพื่อตอบแทนการทำงาน, ค่าน้ำมันรถที่จ่ายให้เป็นประจำทุกเดือนโดยไม่มีเจตนาให้เป็นสวัสดิการ เป็นต้น

สำหรับเงินอื่นที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้าง นอกเหนือจากที่ผมบอกไปข้างต้นก็ต้องมาดูข้อมูลรายละเอียดอื่นประกอบกันอีกทีนะครับว่า อะไรเข้าข่ายค่าจ้างตามมาตรา 5 หรือไม่ ถ้าจะถามว่าสวัสดิการถือเป็นค่าจ้างหรือไม่ ?

ตอบได้ว่าตามกฎหมายแรงงานถือว่าสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้างครับ เพราะไม่ใช่เงินที่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงาน แต่จ่ายให้ลูกจ้างเพื่อช่วยเหลือชีวิตความเป็นอยู่ของลูกจ้าง ที่สำคัญคือ “ค่าจ้าง” จะใช้เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างตามกฎหมายแรงงานอีกหลายเรื่อง เช่น ใช้เป็นฐานในการคำนวณค่าล่วงเวลา, ค่าทำงานในวันหยุด, ค่าล่วงเวลาในวันหยุด, ค่าชดเชย, ค่าชดเชยพิเศษ, ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า เป็นต้น

ส่วนเงินที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างโดยมีระเบียบสวัสดิการ และการปฏิบัติที่ชัดเจน เช่น สวัสดิการค่าอาหาร, ค่าเช่าบ้าน, ค่าเบี้ยประกันชีวิตและสุขภาพของลูกจ้าง, เงินช่วยเหลือค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า, เงินช่วยเหลือคลอดบุตร ฯลฯ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือด้านสวัสดิการความเป็นอยู่ของลูกจ้าง และมีการปฏิบัติที่เป็นการให้สวัสดิการจริง ๆ อย่างนี้แล้วก็ไม่ถือเป็นค่าจ้าง

มาถึงตรงนี้ ท่านคงจะเข้าใจชัดเจนมากขึ้นแล้วนะครับว่า อะไรคือสวัสดิการ และอะไรคือค่าจ้าง

อ้อ…แล้วอย่าลืมใช้ “ค่าจ้าง” เป็นฐานในการคำนวณเรื่องต่าง ๆ ให้ถูกต้อง จะได้ไม่มีปัญหาตามมาในอนาคตนะครับ


ถ้าใครอยากรับฟังทางเสียงก็สามารถฟังเรื่องนี้ทางพอดแคสต์ https://tamrongs.podbean.com ต่อได้นะครับ