เทสโก้ฯ-โครงการหลวง เปิดโมเดลชาวเราช่วยชาวเขายั่งยืน

เทสโก้ โลตัส ร่วมสืบสานพระราชปณิธานโครงการหลวงผ่านนิทรรศการ “อยู่ดี อย่างยั่งยืน” ด้วยการนำพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เผยแพร่สู่ประชาชน ณ พลัสมอลล์ เทสโก้ โลตัส บางใหญ่ พร้อมเปิดเผยโมเดลชาวเราช่วยชาวเขาแบบยั่งยืน ด้วยการรับซื้อผลผลิตจากโครงการหลวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการปักธงในการเป็นผู้นำรับซื้อสินค้าโครงการหลวงรายใหญ่สุดของไทย ทั้งยังเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าโครงการหลวงราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง

“สลิลลา สีหพันธุ์” รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบริษัทเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า เทสโก้ โลตัส เริ่มนำผักและผลไม้สดจากแปลงผลิตของเกษตรกรชาวเขาในพื้นที่โครงการหลวงมาจำหน่ายตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา เพราะเรามุ่งมั่นสานต่อพระราชปณิธานในการพลิกฟื้นพื้นที่บนดอยสูงของในหลวงรัชกาลที่ 9 จนก่อเกิดเป็นการเกษตรที่ถาวรและยั่งยืน ซึ่งชุมชนชาวเขาสามารถสร้างงานสร้างอาชีพที่มั่นคงได้ จากรายได้ที่พวกเขาได้จากการจำหน่ายผลผลิตผ่านร้านเทสโก้ โลตัส กว่า 1,900 สาขาทั่วประเทศ

“เราในฐานะเอกชนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในช่องทาง พอไปเห็นองค์ความรู้โครงการหลวง โดยเฉพาะแนวทางพระราชปณิธานของพระองค์เรื่องการสร้างเกษตรกรรมของประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่ และสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของชาวเขาให้เติบโตมีความสุขอย่างยั่งยืนก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราคิดว่าทำไมคนไทยไม่นำตรงนี้มาสานต่อ ตรงนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดกิจกรรมแบบนี้ และเราจะพยายามจัดขึ้นทุกปี เพื่อนำเรื่องราวดี ๆ ของการสืบสานพระราชปณิธานมาเผยแพร่ให้กับประชาชนได้รับรู้”

“เพราะส่วนใหญ่คนจะรับรู้เฉพาะเรื่องของสินค้า แต่เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว พระองค์ทรงคิดอะไรอยู่ อันนี้เราพยายามจะแทรกเรื่องราวต่าง ๆ เข้าไปเพื่อให้ประชาชนได้รู้ว่าแนวคิดของพระองค์ทำให้เกิดความยั่งยืนแก่ชาวเขาได้จริง ๆ”

นอกจาก เทสโก้ โลตัสจะทำหน้าที่เป็นช่องทางกระจายผักและผลไม้ของโครงการหลวงอย่างมีประสิทธิภาพ ยังมีการพัฒนาร่วมกัน เพื่อให้เกษตรกรที่อยู่บนดอยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในโมเดลที่เข้าไปช่วยทำให้ผลผลิตชาวเขาขายได้มากขึ้น คือการพัฒนาเรื่องระบบโลจิสติกส์ ที่ทำให้ลดความสูญเสียระหว่างการขนส่ง จนทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้มากขึ้น

ทั้งนั้น เทสโก้ โลตัส นำผลิตภัณฑ์โครงการหลวงมาจำหน่ายในราคาที่เอื้อมถึง ที่ผ่านมายอดขายสินค้าจากโครงการหลวงในเทสโก้ โลตัส มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 1-2 เท่าตัว

ที่สำคัญ เทสโก้ โลตัส และโครงการหลวงยังร่วมพัฒนาระบบการจัดการ การบริหารผลผลิตในหลายเรื่อง โดยทำงานร่วมกับชาวเขา ที่เป็นเกษตรกรผู้ปลูกผลผลิตอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการเพาะปลูกและมาตรฐานสินค้าระดับสากล หรือมาตรฐานออร์แกนิก, ระบบโลจิสติกส์ที่พัฒนามาใช้รถห้องเย็นที่ควบคุมอุณหภูมิอย่างเหมาะสมในการขนส่ง จากจุดรวบรวมผลผลิตที่ใกล้แหล่งเพาะปลูกมากที่สุด เพื่อให้ผักผลไม้คงความสด อร่อยจนถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ

“ดร.ณรงค์ชัย พิพัฒน์ธนวงศ์” ผู้อำนวยการฝ่ายตลาด มูลนิธิโครงการหลวง กล่าวเสริมว่า ตั้งแต่ปี 2538 ที่ร่วมมือกับเทสโก้ โลตัส เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้สินค้าของโครงการมีหน้าร้านใหญ่ขึ้น เพราะทางเทสโก้ โลตัสนำผลผลิตของเราไปช่วยจำหน่ายให้

ดังนั้น ในบทบาทของเราจึงต้องพยายามขายสินค้าให้มากขึ้น เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นต่อไปธุรกิจจะเริ่มขยายมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี จากไม่กี่แสนบาทที่เริ่มต้น แต่ปีนี้เกือบ 80 ล้านบาทแล้ว ทั้งเรายังตั้งเป้าปีหน้ารายได้ที่ทำร่วมกับเทสโก้ โลตัสน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากยอดขายในปัจจุบัน

“สินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งจะเป็นผักและผลไม้ อาทิ คะน้ายอด, คะน้าฮ่องกง, มะเขือเทศ เป็นต้น ส่วนผลไม้จะเป็นไปตามฤดูกาล เช่น ลูกพลับ, ลูกพีช, พลัม, อะโวคาโด, มะม่วง, สตรอว์เบอรี่, เกรปฟรุต, เบอร์รี่ ฯลฯ ผักและผลไม้ทั้งหมดผลิตจากพื้นที่ราบสูง 6 จังหวัด 39 ดอย คือเชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, พะเยา, แม่ฮ่องสอน และที่ อ.แม่ระมาด จ.ตาก ซึ่งเป็นจังหวัดล่าสุดที่มีการเพาะปลูก”

“อาจเป็นเพราะจังหวัดตากยังมีการลักลอบปลูกฝิ่น ซึ่งเราก็ได้รับรายงานมาตลอด ที่สุดจึงนำโครงการหลวงเข้าไปพัฒนาในศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ อำเภอแม่ระมาด ด้วยการสาธิตการปลูกผักและผลไม้ให้ชาวบ้านดูพร้อมกับดึงชาวบ้านให้มาเอาพันธุ์ไม้ไปปลูก ตอนนี้เข้าปีที่ 2 แล้ว ชาวบ้านเริ่มมีรายได้จากการปลูกสตรอว์เบอรี่ แม้จะใช้พื้นที่เพียงนิดเดียวแต่ได้เงินถึง 2 หมื่นบาท”

“ดร.ณรงค์ชัย” บอกว่า เมื่อชาวบ้านเห็นความแตกต่าง เพราะปลูกข้าวโพดใช้พื้นที่เพาะปลูกมากถึง 10 ไร่ แต่ได้เงินเพียง 1-2 พันบาท จนตอนหลังชาวบ้านจึงเลิกปลูกฝิ่นทั้งหมด แล้วหันมาปลูกพืชผักผลไม้ทั้งหมดเพื่อส่งให้กับเทสโก้ โลตัส สาขาแม่สอด โดยไม่ต้องส่งเข้ากรุงเทพฯอีกแล้ว ทั้งช่วยประหยัด สะดวกเรื่องการขนส่ง จนทำให้ชาวบ้านได้เงินเร็วขี้น ที่สำคัญ สินค้าทุกชนิดจะถูกรับรองมาตรฐานเหมือนกับโครงการหลวงทุกประการ”

“ในส่วนของการจัดการ เรามีองค์ความรู้มากมายในโครงการหลวง ตั้งแต่การเตรียมดิน การเพาะกล้า และสภาพพื้นที่แบบนี้ควรปลูกแบบไหน ใช้พืชอะไร ตลาดเราก็วางแผนให้ว่าปลูกอย่างนี้จะออกเมื่อไหร่ ปลูกแบบนี้ราคาจะดี ไม่ต้องแข่งกับตลาดจีน ส่วนโครงการหลวงเรามีร้านของเราเอง เทสโก้ โลตัสก็จะช่วยรับซื้อผลผลิตอีกส่วนหนึ่ง”

“ตรงนี้ทำให้ตลาดของโครงการหลวงขยายตัวเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆ และด้วยคุณภาพ ความปลอดภัยมีความน่าเชื่อถือในการบริโภคของ ของโครงการหลวงและสุดท้ายคือสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะพระองค์ทรงสร้างให้เรามากว่า 48 ปี กว่า 4,000 โครงการ ทั้งยังวางรากฐานอย่างดี ทั้งในเรื่องของงานวิจัย ส่งเสริมในเรื่องของการตลาด มวลชน และสังคม จนทำให้ประชาชนเรียนรู้วิธีการ กระทั่งนำความรู้ไปประกอบอาชีพจนปัจจุบัน”

“สลิลลา” กล่าวเสริมว่า อาหารสดคือหัวใจของเทสโก้ โลตัส เพราะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ ประกอบกับในปัจจุบันคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพ ผ่านการเลือกอาหารสด ที่นอกจากจะต้องมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังต้องมีคุณภาพและความปลอดภัยสูง ดังนั้น เทสโก้ โลตัส จึงมุ่งมั่นในการจำหน่ายสินค้าอาหารสดคุณภาพสูงในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึงได้

“สินค้าจากโครงการหลวงตอบโจทย์ของลูกค้าอย่างมาก โดยเทสโก้ โลตัส มีการเพิ่มปริมาณการรับซื้อสินค้าและประเภทของสินค้าจากโครงการหลวงทุกปี ในปีนี้ทั้งเราและโครงการหลวงต่างมีพันธกิจที่สอดคล้องกันในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการลดการสูญเสียตลอดกระบวนการตั้งแต่แหล่งเพาะปลูกไปจนถึงมือผู้บริโภค จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล ลดการสูญเสียสินค้าโดยไม่จำเป็น จนนำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกร ส่วนลูกค้าเองก็เข้าถึงอาหารสดคุณภาพสูง แถมราคาประหยัดด้วย”

ดังนั้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โครงการหลวงและเทสโก้ โลตัส จึงร่วมกันจัดงานนิทรรศการ “อยู่ดี อย่างยั่งยืน” ในช่วงผ่านมา ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการที่เทสโก้ โลตัส มีความภูมิใจอย่างมากที่ได้รับใช้พระองค์ตลอดรัชสมัย