ด้วยเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนชุมชนในพื้นที่รอบโรงกลั่นของกลุ่มไทยออยล์ บริษัทจึงมีการดำเนินโครงการ และกิจกรรมครอบคลุมในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม ศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรม สุขภาวะ การศึกษาและสิ่งแวดล้อม
และเนื่องในโอกาสที่กลุ่มไทยออยล์ครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งบริษัท จึงคิดสร้างสรรค์คุณค่าสู่สังคมด้วยโครงการ “ไทยออยล์สานฝันเยาวชนสู่นักกีฬาอาชีพ” ด้วยการนำร่องส่งเสริมทักษะด้านกีฬา 3 ประเภท ได้แก่ ฟุตซอล, ฟุตบอล และว่ายน้ำ ภายใต้ความร่วมมือกับเทศบาลนครแหลมฉบัง คณะกรรมการชุมชนในพื้นที่ และ 3 องค์กรกีฬาระดับชาติ ได้แก่ สโมสรฟุตซอลพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี, พีทีที อะคาเดมี, และสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย
- “พลังงานไฮโดรเจน” ถูกกว่าน้ำมัน 60% ไทยเริ่มศึกษาแต่ เยอรมัน กำลังจะเลิกใช้
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
“วิโรจน์ มีนะพันธ์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2560 บริษัทร่วมมือกับทีมสโมสรฟุตซอลพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ริเริ่มพัฒนาด้านกีฬา “ฟุตซอล” ให้กับเยาวชนในช่วงปิดภาคเรียน 10 ชุมชนรอบโรงกลั่นไทยออยล์ ถึงตอนนี้รวมกว่า 250 คน
“เราต้องการเสริมสร้างความรู้ และเทคนิคต่าง ๆ รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนมุ่งมั่นฝึกฝนตนเองสู่การแข่งขันในระดับประเทศ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด”
โดยปีแรก ๆ มีเยาวชนรอบ ๆ กลุ่มไทยออยล์เข้าร่วมโครงการฝึกฝนทักษะด้านกีฬาฟุตซอล จำนวน 60 คน ใช้เวลาฝึกฝนทักษะ จำนวน 2 วัน ต่อมาในปี 2562 ทางทีมสโมสรฟุตซอลพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ยังคงจัดส่งนักกีฬาฟุตซอลมืออาชีพระดับทีมชาติไทยมาฝึกสอนทักษะด้านกีฬาฟุตซอลให้กับเยาวชน 10 ชุมชนอย่างต่อเนื่อง
พร้อมการพัฒนาเสริมทักษะที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยการขยายเวลาการฝึกซ้อมจากเดิม 2 วันเป็น 4 วันให้กับเยาวชน 2 รุ่น คือ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 พร้อมทำการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาทีมชนะเลิศในแต่ละรุ่น และผู้เล่นยอดเยี่ยมที่ฉายแววสู่การต่อยอดเป็นนักเตะมืออาชีพในอนาคตต่อไป
“สำหรับปีนี้เรามีเป้าหมายในการพัฒนาเยาวชนรอบ ๆ กลุ่มไทยออยล์ให้ก้าวไปสู่นักกีฬาอาชีพ ด้วยการนำทัพนักกีฬาฟุตซอลระดับทีมชาติไทยมาฝึกสอนทักษะต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และเสริมทักษะในเรื่องของการฝึกสมาธิด้วย เพราะทักษะที่ดีของการเล่นกีฬาฟุตซอล ที่นอกจากจะได้ประโยชน์ในเรื่องสุขภาพแล้ว ยังได้เรื่องปฏิภาณไหวพริบด้วย”
โดยคลินิกเปิดสอนจัดขึ้น 3 วัน ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2563 ณ สนามกีฬาฟุตซอล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จ.ชลบุรี
“วิโรจน์” กล่าวต่อว่า กลุ่มไทยออยล์ให้การสนับสนุนพีทีที อะคาเดมี ผ่าน บริษัท สปอร์ต เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด ตั้งแต่ปี 2554 ด้วยการพัฒนาทีม “พีทีที อะคาเดมี” ให้เป็นต้นแบบการพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนสู่การเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ
“เราปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาที่เหมาะสม มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา การดูแลโภชนาการ จัดให้มีความพร้อมทั้งบุคลากรและสถานที่ เช่น ผู้ฝึกสอน, นักกายภาพบำบัด, นักโภชนาการมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการฝึกอย่างเป็นระบบ จัดทำโปรแกรมการฝึกฝนเป็นรายบุคคล สร้างเยาวชนที่มีน้ำใจนักกีฬา”
“อีกทั้งส่งเสริมให้เยาวชนมีโอกาสมากขึ้น ด้วยการสร้างความร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลอาชีพเข้าคัดเลือกนักกีฬาครอบคลุมเยาวชน 10 ชุมชนรอบโรงกลั่นไทยออยล์ จำนวน 100 คน และเยาวชนในเขตพื้นที่เทศบาลนครแหลมฉบัง 23 ชุมชน จำนวน 200 คน รวมทั้งหมด 300 คน”
ซึ่งไม่เพียงเป็นการส่งเสริมด้านกีฬาฟุตซอลและฟุตบอล บริษัทยังมองเห็นถึงความสำคัญของทักษะกีฬาด้านอื่นด้วย เช่น การว่ายน้ำ เพราะจากรายงานของสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็ก และครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ในปี 2561 มีเด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำมากถึง 700 ราย แต่ในประเทศไทยการว่ายน้ำไม่ได้เป็นทักษะบังคับที่บรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงทำให้เด็กที่ว่ายน้ำเป็นส่วนใหญ่มักเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะปานกลางขึ้นไป ซึ่งอาจได้เรียนว่ายน้ำจากโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันสอนว่ายน้ำอื่น ๆ
“เราจึงร่วมกับสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยทำโครงการช่วยชีวิต ลดวิกฤตการจมน้ำ โดยเข้าไปในแหล่งชุมชนเป้าหมายในเขตเทศบาลแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ให้มีทักษะการว่ายน้ำ และสามารถช่วยชีวิตตนเอง และผู้อื่นจากการจมน้ำได้ต่อไป”
โดยทำการสอนจำนวน 10 วัน ระหว่างวันที่ 9-25 พ.ย. 2563 วันละ 5 กลุ่ม กลุ่มละ 100 คน ที่สระว่ายน้ำเทศบาลนครแหลมฉบัง ซึ่งเยาวชนที่ผ่านการเรียนการสอนครบ 10 ชั่วโมง จะได้รับประกาศนียบัตรของโครงการ ประกอบด้วย หลักสูตรการว่ายน้ำ 8 ชั่วโมง และหลักการช่วยชีวิตผู้จมน้ำ 2 ชั่วโมง
นอกจากนั้น ในวันที่ 10-11 ธ.ค. 2563 ยังมีการจัดการแข่งขันว่ายน้ำชิงชนะเลิศระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นเวทีให้เยาวชนที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำสามารถพัฒนาฝีมือเพื่อก้าวสู่นักกีฬามืออาชีพ รวมถึงเป็นการพัฒนาผู้ตัดสิน พัฒนากฎกติกา และมาตรฐานการแข่งขันให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะโครงการนี้จะครอบคลุมนักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬาว่ายน้ำในเขตจังหวัดชลบุรี จำนวน 500 คน
นับเป็นภารกิจสานฝันเยาวชนสู่นักกีฬาอาชีพ และการพัฒนางานชุมชนด้านสุขภาวะ