“ไทยออยล์” สานฝันเยาวชน เสริมทักษะกีฬา 3 ด้านเพื่ออนาคต

โครงการไทยออยล์ส่งเสริมเยาวชนไทยสู่นักกีฬาอาชีพ
โครงการไทยออยล์ส่งเสริมเยาวชนไทยสู่นักกีฬาอาชีพ

ด้วยเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนชุมชนในพื้นที่รอบโรงกลั่นของกลุ่มไทยออยล์ บริษัทจึงมีการดำเนินโครงการ และกิจกรรมครอบคลุมในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม ศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรม สุขภาวะ การศึกษาและสิ่งแวดล้อม

และเนื่องในโอกาสที่กลุ่มไทยออยล์ครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งบริษัท จึงคิดสร้างสรรค์คุณค่าสู่สังคมด้วยโครงการ “ไทยออยล์สานฝันเยาวชนสู่นักกีฬาอาชีพ” ด้วยการนำร่องส่งเสริมทักษะด้านกีฬา 3 ประเภท ได้แก่ ฟุตซอล, ฟุตบอล และว่ายน้ำ ภายใต้ความร่วมมือกับเทศบาลนครแหลมฉบัง คณะกรรมการชุมชนในพื้นที่ และ 3 องค์กรกีฬาระดับชาติ ได้แก่ สโมสรฟุตซอลพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี, พีทีที อะคาเดมี, และสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย

“วิโรจน์ มีนะพันธ์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2560 บริษัทร่วมมือกับทีมสโมสรฟุตซอลพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ริเริ่มพัฒนาด้านกีฬา “ฟุตซอล” ให้กับเยาวชนในช่วงปิดภาคเรียน 10 ชุมชนรอบโรงกลั่นไทยออยล์ ถึงตอนนี้รวมกว่า 250 คน

วิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
วิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

“เราต้องการเสริมสร้างความรู้ และเทคนิคต่าง ๆ รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนมุ่งมั่นฝึกฝนตนเองสู่การแข่งขันในระดับประเทศ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด”

โดยปีแรก ๆ มีเยาวชนรอบ ๆ กลุ่มไทยออยล์เข้าร่วมโครงการฝึกฝนทักษะด้านกีฬาฟุตซอล จำนวน 60 คน ใช้เวลาฝึกฝนทักษะ จำนวน 2 วัน ต่อมาในปี 2562 ทางทีมสโมสรฟุตซอลพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ยังคงจัดส่งนักกีฬาฟุตซอลมืออาชีพระดับทีมชาติไทยมาฝึกสอนทักษะด้านกีฬาฟุตซอลให้กับเยาวชน 10 ชุมชนอย่างต่อเนื่อง

พร้อมการพัฒนาเสริมทักษะที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยการขยายเวลาการฝึกซ้อมจากเดิม 2 วันเป็น 4 วันให้กับเยาวชน 2 รุ่น คือ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 พร้อมทำการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาทีมชนะเลิศในแต่ละรุ่น และผู้เล่นยอดเยี่ยมที่ฉายแววสู่การต่อยอดเป็นนักเตะมืออาชีพในอนาคตต่อไป

ไทยออยล์

“สำหรับปีนี้เรามีเป้าหมายในการพัฒนาเยาวชนรอบ ๆ กลุ่มไทยออยล์ให้ก้าวไปสู่นักกีฬาอาชีพ ด้วยการนำทัพนักกีฬาฟุตซอลระดับทีมชาติไทยมาฝึกสอนทักษะต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และเสริมทักษะในเรื่องของการฝึกสมาธิด้วย เพราะทักษะที่ดีของการเล่นกีฬาฟุตซอล ที่นอกจากจะได้ประโยชน์ในเรื่องสุขภาพแล้ว ยังได้เรื่องปฏิภาณไหวพริบด้วย”

โดยคลินิกเปิดสอนจัดขึ้น 3 วัน ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2563 ณ สนามกีฬาฟุตซอล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จ.ชลบุรี

“วิโรจน์” กล่าวต่อว่า กลุ่มไทยออยล์ให้การสนับสนุนพีทีที อะคาเดมี ผ่าน บริษัท สปอร์ต เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด ตั้งแต่ปี 2554 ด้วยการพัฒนาทีม “พีทีที อะคาเดมี” ให้เป็นต้นแบบการพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนสู่การเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ

“เราปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาที่เหมาะสม มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา การดูแลโภชนาการ จัดให้มีความพร้อมทั้งบุคลากรและสถานที่ เช่น ผู้ฝึกสอน, นักกายภาพบำบัด, นักโภชนาการมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการฝึกอย่างเป็นระบบ จัดทำโปรแกรมการฝึกฝนเป็นรายบุคคล สร้างเยาวชนที่มีน้ำใจนักกีฬา”

ไทยออยล์

“อีกทั้งส่งเสริมให้เยาวชนมีโอกาสมากขึ้น ด้วยการสร้างความร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลอาชีพเข้าคัดเลือกนักกีฬาครอบคลุมเยาวชน 10 ชุมชนรอบโรงกลั่นไทยออยล์ จำนวน 100 คน และเยาวชนในเขตพื้นที่เทศบาลนครแหลมฉบัง 23 ชุมชน จำนวน 200 คน รวมทั้งหมด 300 คน”

ซึ่งไม่เพียงเป็นการส่งเสริมด้านกีฬาฟุตซอลและฟุตบอล บริษัทยังมองเห็นถึงความสำคัญของทักษะกีฬาด้านอื่นด้วย เช่น การว่ายน้ำ เพราะจากรายงานของสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็ก และครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ในปี 2561 มีเด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำมากถึง 700 ราย แต่ในประเทศไทยการว่ายน้ำไม่ได้เป็นทักษะบังคับที่บรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงทำให้เด็กที่ว่ายน้ำเป็นส่วนใหญ่มักเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะปานกลางขึ้นไป ซึ่งอาจได้เรียนว่ายน้ำจากโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันสอนว่ายน้ำอื่น ๆ

“เราจึงร่วมกับสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยทำโครงการช่วยชีวิต ลดวิกฤตการจมน้ำ โดยเข้าไปในแหล่งชุมชนเป้าหมายในเขตเทศบาลแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ให้มีทักษะการว่ายน้ำ และสามารถช่วยชีวิตตนเอง และผู้อื่นจากการจมน้ำได้ต่อไป”

โดยทำการสอนจำนวน 10 วัน ระหว่างวันที่ 9-25 พ.ย. 2563 วันละ 5 กลุ่ม กลุ่มละ 100 คน ที่สระว่ายน้ำเทศบาลนครแหลมฉบัง ซึ่งเยาวชนที่ผ่านการเรียนการสอนครบ 10 ชั่วโมง จะได้รับประกาศนียบัตรของโครงการ ประกอบด้วย หลักสูตรการว่ายน้ำ 8 ชั่วโมง และหลักการช่วยชีวิตผู้จมน้ำ 2 ชั่วโมง

นอกจากนั้น ในวันที่ 10-11 ธ.ค. 2563 ยังมีการจัดการแข่งขันว่ายน้ำชิงชนะเลิศระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นเวทีให้เยาวชนที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำสามารถพัฒนาฝีมือเพื่อก้าวสู่นักกีฬามืออาชีพ รวมถึงเป็นการพัฒนาผู้ตัดสิน พัฒนากฎกติกา และมาตรฐานการแข่งขันให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะโครงการนี้จะครอบคลุมนักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬาว่ายน้ำในเขตจังหวัดชลบุรี จำนวน 500 คน

นับเป็นภารกิจสานฝันเยาวชนสู่นักกีฬาอาชีพ และการพัฒนางานชุมชนด้านสุขภาวะ