แรงบันดาลใจของ “ไลน์” ความสุขเกิดจากทีมที่ไว้ใจกัน

LINE Thailand ถูกจัดอันดับให้เป็นที่ 2 ของบริษัทที่คนไทยอยากทำงานด้วยมากที่สุดในปี 2020 จากการจัดอันดับของ Workventure เว็บไซต์ค้นหางานที่มีผู้ใช้งานจากทั่วประเทศ

โดยทางเว็บไซต์ทําการสํารวจปัจจัยหลักในการเลือกงานของกลุ่มนักศึกษา และคนวัยทํางาน ในช่วงอายุระหว่าง 21-35 ปี จํานวน 10,000 คน รวบรวมข้อมูลจนได้ 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่สนใจร่วมงานด้วยมากที่สุด

“ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไลน์ ประเทศไทย กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจอยากทำงานกับบริษัท โดยมองว่าปีนี้ LINE ไต่ขึ้นมาถึง 18 อันดับ ในการจัดอันดับของ Workventure จนกลายเป็นอันดับ 2 รองจากกูเกิล ประเทศไทยซึ่งยังเป็นอันดับ 1

ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา
ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไลน์ ประเทศไทย

สำหรับปัจจัยที่คนรุ่นใหม่เลือกสมัครงานปีล่าสุดมีความแตกต่างจากปีก่อน ๆ ออกไปเล็กน้อย เนื่องจากที่ผ่านมา เงินเดือน, สวัสดิการ, สถานที่ตั้ง และไลฟ์สไตล์ในที่ทํางาน (ความยืดหยุ่นของเวลาการทํางาน, สมดุลชีวิตการทํางาน) ถือเป็น 4 ปัจจัยอันดับแรกในการเลือกบริษัทเพื่อทํางาน แต่ในปี 2020 มีอีกปัจจัยสําคัญที่เกิดขึ้นคือความสามารถด้านเทคโนโลยีของบริษัท

“สำหรับไลน์ ประเทศไทย เราพยายามสร้างวัฒนธรรมองค์กรเป็นรูปแบบเทคสตาร์ตอัพ เป็นองค์กรที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยี มีความยืดหยุ่น แต่มากไปกว่านั้นคือเรามุ่งเน้นสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงาน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และเปิดกว้างในการยอมรับความคิดเห็นของพนักงาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ LINE เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และรวดเร็ว”

“โดยกุญแจความสำเร็จคือการมีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง และเป็นไปตามวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ Life on LINE (หรือ LINE สำหรับทุกไลฟ์สไตล์) ซึ่งหมายถึงการที่ LINE ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนโลกออนไลน์อีกต่อไป”

“แต่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนในโลกออฟไลน์อย่างเต็มตัว ดังนั้น พนักงานในองค์กรต้องดำเนินงานตามแนวทาง Life on LINE ให้ทัน ซึ่งผมคิดว่าการที่จะทำให้พนักงานพัฒนาต่อเนื่องคือ การที่พวกเขาได้ทำงานอย่างมีความสุข ตอนนี้ ไลน์ ประเทศไทย มีพนักงานประมาณ 350 คน มีความหลากหลายของเชื้อชาติ โดยส่วนใหญ่เป็น Generation Y อายุเฉลี่ย 29-30 ปี ดังนั้น วัฒนธรรมองค์กรที่จะทำให้คนรุ่นนี้ทำงานอย่างมีความสุข คือ วัฒนธรรมองค์กรแบบเปิดและไว้ใจกัน”

“ผมให้ความสำคัญกับการประชุม town hall เพื่อให้ผู้บริหารของบริษัทมาพบปะพนักงานเพื่อบอกเล่าแผนการทำงานขององค์กรให้พวกเขาฟังด้วยตัวเอง ซึ่งดีกว่าให้พวกเขาไปได้ยินจากคนอื่น ซึ่งจะสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับพนักงานมากกว่า และแสดงให้เห็นว่าเราไว้ใจพวกเขา”

“ดังนั้น การที่เราเป็นเทคคอมปะนีที่มีความเป็นนานาชาติ แต่ก็มีความเป็นไทยด้วย จึงทำให้ไลน์ ประเทศไทย มีวัฒนธรรมเฉพาะตัว มีความคล่องตัว แต่ก็ละเอียดอ่อน พนักงานและผู้บริหารอยู่กันเหมือนญาติพี่น้อง พนักงานสามารถเสนอไอเดียได้ทันที ทำงานที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบของการนั่งในห้องประชุม หรือในห้องทำงานอย่างเดียว ทำให้งานขยับเร็วขึ้น”

“ดร.พิเชษฐ” บอกว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการมีสภาพแวดล้อมทำงานที่ถูกใจคนรุ่นใหม่ ทำให้เขาอยากตื่นมาทำงานทุกวัน เราจึงออกแบบสำนักงานให้สวยงาม สดใส มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย

และตั้งแต่เปิดสำนักงาน LINE ประเทศไทย เราต้อนรับผู้สนใจมากมายที่เข้ามาเยี่ยมสำนักงานของเรา ในฐานะตัวอย่างของสำนักงานบริษัทเทคคอมปะนีที่มีความทันสมัย บรรยากาศเอื้อต่อการทำงาน ทั้งยังมีบริการต่าง ๆ ให้พนักงานผ่อนคลายจากการทำงาน อาทิ โซนบอร์ดเกม, โซนฟิตเนส, โซนรีแลกซ์ที่มีทั้งบริการนวด และที่สำหรับนอนพักผ่อน

“ทั้งยังมีกิจกรรมสังสรรค์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานเป็นประจำ รวมถึงการตกแต่งสำนักงานที่สนับสนุนให้เกิดแรงบันดาลใจ และความคิดสร้างสรรค์ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และความชอบของพนักงาน ที่ไม่เพียงแค่สร้างที่ทำงานให้น่าอยู่ แต่ไลน์ ประเทศไทย ยังให้การดูแลพนักงานอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องความสุขในการทำงาน และการรักษาความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัว (work-life balance) ด้วยเทคโนโลยีและสวัสดิการของบริษัท”

“ตรงนี้พิสูจน์ได้จากช่วงเริ่มต้นของการระบาดโควิด-19 ในปี 2020 พนักงานของไลน์สามารถเลือกทำงานจากที่บ้านได้ทันที เพราะเรามีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่สามารถสนับสนุนให้การทำงานยืดหยุ่นได้ทุกที่ ทุกเวลา”

“นอกจากนั้น บริษัทยังยกระดับการป้องกัน พร้อมมอบสวัสดิการด้านสุขภาพ และการรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานสูงสุด อาทิ อาหารกลางวันในกล่องแยกส่วนบุคคลสำหรับพนักงานทุกคน, ชีลด์ป้องกันในพื้นที่ส่วนกลาง, แพทย์ และจิตแพทย์สำหรับปรึกษาส่วนตัว, เครื่องมือในการสื่อสารเพื่ออัพเดตสถานการณ์ให้พนักงาน, แพ็กเกจป้องกันตัวที่รวมถึงหน้ากาก, เครื่องวัดอุณหภูมิ, แอลกอฮอล์เจล และที่สำคัญ พนักงานทุกคนจะได้รับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพที่ครอบคลุมโควิด-19 ด้วย”

“พูดง่าย ๆ เราให้ความอิสระ และความไว้ใจในการทำงานจากบ้านของพนักงาน ทั้งยังดูแลความสะดวกสบายให้พวกเขาด้วย ถึงขนาดให้พนักงานสามารถยืมเก้าอี้จากออฟฟิศไปใช้งานที่บ้านก่อนได้ รวมถึงให้ความสำคัญกับความเครียดของพนักงาน เราจึงจัดกิจกรรมให้พนักงานแชร์เรื่องราว และภาพถ่ายกิจกรรมนอกเวลางาน เช่น การปลูกต้นไม้, เลี้ยงลูก, เลี้ยงสัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ จนทำให้พนักงานรู้สึกเครียดน้อยลง ทั้งยังมีแรงผลักดันในการทำงานมากขึ้น”

“ดร.พิเชษฐ” อธิบายต่อว่า ปัจจุบันเราพยายามเข้าหาคนทำงานที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้เขามาเรียนรู้กับบริษัท ขณะเดียวกัน เราก็ได้เรียนรู้จากพวกเขาด้วย จึงทำโครงการ LINE Rookie ซึ่งเป็นโปรแกรมฝึกงานช่วยให้นักศึกษามาเรียนรู้ และเติบโตจากการทำงานจริงกับไลน์ ประเทศไทย รวมถึงยังได้รับประสบการณ์ที่มีค่าจากพนักงานของบริษัท หรือที่เรียกว่า LINERs

“พนักงานของเราที่มากประสบการณ์จากหลากหลายสายงานมีหน้าที่ให้คำปรึกษาคนฝึกงาน และสอนงานแบบตัวต่อตัว ตลอด 10 สัปดาห์ของโครงการ ผู้ฝึกงานจะได้รับโอกาสในการออกแบบ และนำเสนอโครงการที่แสดงออกถึงไอเดียใหม่ ๆ จากความคิดสร้างสรรค์ และความรู้ใหม่ที่ได้รับ ซึ่งเราจัดมาแล้วทั้งหมด 2 ครั้ง แต่พอปี 2020 เราไม่สามารถจัดได้ เพราะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับปีนี้เราจะดูความเป็นไปได้ว่าจะจัดได้อีกหรือไม่”

“ปี 2020 ที่ผ่านมาเผยให้เห็นว่า LINE เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยอย่างแท้จริง คนไทยนิยมใช้ LINE ทั้งกับชีวิตส่วนตัว และการทำงาน ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่นที่มักใช้ LINE สำหรับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวประจำวันเท่านั้น ผมมองว่าพฤติกรรมนี้ทำให้ตัวเลขการใช้งาน LINE Call, LINE Group Call และการใช้งาน LINE บนคอมพิวเตอร์สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2 ของปี”

“กระทั่งมีการล็อกดาวน์ จนนำมาซึ่งพฤติกรรมการทำงานที่บ้าน (work from home) จึงทำให้เราต้องพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น LINE Meeting ที่ช่วยอํานวยความสะดวกในการประชุมผ่าน LINE จนกลายเป็นที่นิยมในเวลาต่อมา เพราะมีจํานวนประชุมที่สร้างผ่าน LINE Meeting ในไทยมากถึง 22 ล้านครั้งภายใน 3 เดือนหลังเปิดให้บริการฟีเจอร์นี้นับเป็นยอดการใช้งานที่สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก”

“นอกจากนั้น LINE ยังกลายเป็นช่องทางสำคัญในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ให้กับคนไทย โดยมีการใช้งาน LINE Official Account เพิ่มขึ้นสูงกลายเป็น 4 ล้านบัญชี ในเดือน พ.ค. 2020 และมีจำนวนร้านค้าที่ใช้งานเครื่องมือ My Shop เพื่อเปิดร้านบน LINE Official Account เพิ่มขึ้นถึง 48% ต่อเดือน ส่งผลต่อจำนวนผู้ใช้งานนักช็อปที่เข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าออนไลน์ที่สร้างผ่านเครื่องมือ My Shop นี้รวมมากกว่า 9 ล้านคนภายในเวลาหนึ่งปี”

สำหรับการเติบโตของไลน์ ประเทศไทย “ดร.พิเชษฐ” บอกว่า มาจาก growth mindset ของพนักงาน และทักษะที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ของพวกเขา ถึงแม้จะเป็นช่วงที่เราทำงานจากบ้าน แต่เราก็เตรียมแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางออนไลน์ให้พนักงานได้ใช้พัฒนาตัวเอง ที่สำคัญ พนักงานยังสามารถเข้าถึงผู้บริหารได้ตลอด ถ้าต้องการคำแนะนำ

“ฉะนั้น ไลน์ ประเทศไทย ยังคงพัฒนาด้านทรัพยากรบุคคล และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง และยินดีที่จะเป็นตัวอย่างให้กับบริษัท และองค์กรอื่น ๆ ในประเทศไทยในการพัฒนาสภาพแวดล้อม และนโยบายด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท โดยจะมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่คนไทยอยากทำงานด้วยมากที่สุดอันดับ 1 ให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้”