เอพี ไทยแลนด์ เดินหน้าก้าวต่อในทศวรรษที่ 3 ภายใต้พันธกิจใหญ่ “EMPOWER LIVING” ประกาศความพร้อมตั้งรับโลกที่เปลี่ยนแปลง ชูยุทธศาสตร์ “innovative culture” หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการดำเนินธุรกิจในวันที่โลกเปลี่ยน พร้อมเร่งติดสปีดขยายเมล็ดพันธุ์ innovator ในองค์กร
สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรมให้เกิดขึ้นแก่คนทุกระดับ ผ่าน ORIGINAL U โปรเจ็กต์นำร่องพิเศษตั้งดรีมทีมแบบไฮบริด ดึงพนักงานต่างแผนก บริษัทในเครือและพันธมิตรธุรกิจ ปลดล็อกศักยภาพ และความคิดสร้างสรรค์ร่วมกันพัฒนานวัตกรรม
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
“อนุพงษ์ อัศวโภคิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า เพราะทีมงานคือคนที่รู้จัก และเข้าใจลูกค้าดีที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยังคงต้องวนเวียนอยู่กับสภาวะความปั่นป่วน จากการเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่ ทั้งความท้าทายการแข่งขันใหม่ ๆ ตลอดจนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าสู่การดำเนินธุรกิจในปีที่ 30 อย่างยั่งยืน ภายใต้พันธกิจใหญ่ EMPOWER LIVING เพราะเราไม่หยุดที่จะสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน
“โดยมียุทธศาสตร์ innovative culture เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่จะสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรมให้เกิดขึ้นแก่คนทุกระดับ ด้วยการนำร่องกับโปรเจ็กต์พิเศษ ORIGINAL U เพื่อขยายเมล็ดพันธุ์ innovator ในองค์กร ผ่านโมเดลการตั้งดรีมทีมแบบไฮบริด ดึงพนักงานต่างแผนก บริษัทในเครือ และพันธมิตรธุรกิจ ปลดล็อกศักยภาพ และความคิดสร้างสรรค์ ร่วมกันพัฒนานวัตกรรม เพื่อการยืนหยัดอย่างมั่นคงในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง พร้อมแสวงหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจในเวลาเดียวกัน”
“โปรเจ็กต์นำร่องพิเศษ ORIGINAL U เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวัฒนธรรมการทำงาน ที่พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรมให้เกิดขึ้นแก่คนทุกระดับในองค์กร ให้ทีมงานกล้าตั้งคำถาม ไม่หยุดคิดนอกกรอบตามหลักการของ design thinking ที่เชื่อว่าทุกคนเป็นนักคิด นักสร้างสรรค์ได้ ถ้าได้เรียนรู้การคิดวิเคราะห์อย่างมีกระบวนการ ดังนั้น ยุทธศาสตร์ innovative culture หรือสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรมในแบบฉบับของเอพี จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การฝันถึงสิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น”
“แต่นวัตกรรมที่มีคุณค่าที่สุดคือ สิ่งที่สามารถตอบ unmet need หรือความต้องการที่ซ่อนอยู่ของลูกค้าได้ ผสานกับการประยุกต์ใช้โมเดลดรีมทีมแบบไฮบริด จัดตั้งทีมตั้งแต่ 3-5 คน ที่มาจากต่างฝ่ายงาน รวมถึงดึงความร่วมมือจากพันธมิตรธุรกิจ มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป) และบริษัททั้ง 5 ในเครือเอพี ได้แก่ SMART (สมาร์ท), BC (บีซี), SEAC (เอสอีเอซี), VAARI (วาริ) และ CLAYMORE (เคลย์มอร์) เพื่อสร้างสรรค์โปรเจ็กต์อย่างอิสระภายในระยะเวลา 2 เดือน ให้เกิดผลลัพธ์นวัตกรรมการทำงานไอเดียใหม่หรือสินค้าบริการที่ดีกว่าที่เคยมีมา”
“อนุพงษ์” กล่าวต่อว่า หากเราไม่เอ็มพาวเวอร์ให้ทุกคนในองค์กรลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง และกล้าที่จะตั้งคำถามด้วยตนเอง เราคงก้าวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่เข้ามา เอพีมองว่าการปรับตัวโดยมีหลัก และเป้าหมายให้ยึดคือหนทางที่จะทำให้เราทุกคนเดินหน้าและก้าวไปต่อได้อย่างมั่นคง และโปรเจ็กต์ ORIGINAL U จะเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยปลูกฝังและผลักดันให้เกิดขึ้น ผ่านการร่วมมือของพนักงานที่มีทักษะความเชี่ยวชาญจากหลากหลายฝ่าย
“ทุกวันนี้ความเชี่ยวชาญในสาขาเดียวไม่พออีกต่อไป ซึ่งเป็นการตอกย้ำค่านิยมหลักของเอพี BE INNOVATIVE สร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเดิม และ BUILD TOGETHER การทำงานเป็นทีม โดยอาศัยมุมมองที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมงานที่มาจากสายงานอื่น ๆ จะช่วยให้เราพร้อมสร้างสรรค์สินค้า บริการที่มีคุณค่าก้าวนำความเปลี่ยนแปลงตรงตามความต้องการและเหนือความคาดหวังของลูกค้าได้ในอนาคต”
“เรียว มัตสึโมโตะ” Business Advisor พันธมิตรทางธุรกิจชาวญี่ปุ่น หนึ่งในตัวแทนโปรเจ็กต์ ORIGINAL U กล่าวเสริมว่า ในฐานะตัวแทนจากมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป) พาร์ตเนอร์ของเอพีที่มีเป้าหมายในการแบ่งปันองค์ความรู้ที่ดีระหว่างไทยและญี่ปุ่น ที่เข้าร่วมโปรเจ็กต์นี้ เพราะนับเป็นโอกาสที่ดี และท้าทายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการรวมทีมทำงานเพื่อค้นหาไอเดียใหม่ ๆ กับสมาชิกต่างแผนกที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“นอกเหนือการเข้าใจไลฟ์สไตล์การใช้งานพื้นที่ส่วนกลางในคอนโดฯที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 แล้ว การรวมตัวกันของทีมแบบไฮบริด (วิศวกร โปรดักต์ดีไซเนอร์ และพร็อพเพอร์ตี้แมเนจเม้นต์) ที่ต่างฝ่ายต่างมีประสบการณ์ และองค์ความรู้ที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความคิดเห็นหลากหลาย มองเห็นปัญหา และความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าอย่างครบถ้วนรอบด้านยิ่งขึ้นและร่วมกันตั้งคำถาม คิด วิเคราะห์ ใช้เวลาร่วมกันในการนำเสนอโซลูชั่นเพื่อแก้ pain points นั้น ๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นมิติใหม่ของการพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางในคอนโดมิเนียม ซึ่งจะนำไปประยุกต์ใช้กับการเปิดตัวโครงการใหม่ อยากชวนให้ติดตามกัน”
“สปัญญ์ ปาลีวงศ์” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ หนึ่งในผู้ร่วมโปรเจ็กต์ ORIGINAL U จากบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) หนึ่งในบริษัทเครือเอพีที่ให้บริการด้านการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงความรู้สึกหลังเข้าร่วมกิจกรรมว่าไอเดียของทุกทีมเป็นการสร้างสรรค์ที่เกิดจากความเข้าใจ pain points ที่จะช่วยยกระดับวิถีชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น
ORIGINAL U เข้ามาทำให้เรามองหา pain points ของลูกค้าได้แม่นยำขึ้น ครอบคลุม ทั้งในส่วนของพนักงาน และผู้อยู่อาศัย เช่น โซลูชั่นในการลดขั้นตอน ข้อผิดพลาด การบริหารจัดสรรพื้นที่การทำงานของพนักงาน ไปจนถึงโซลูชั่นการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในคอนโดฯ เพื่อแก้ไขข้อจำกัดด้านการใช้ประโยชน์จากพื้นที่
“วิกฤตครั้งนี้ไม่ใช่วิกฤตแรก หรือสุดท้ายที่เราต้องผ่านไปให้ได้อย่างดีที่สุด ก่อนหน้านี้มีทั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี’40 แฮมเบอร์เกอร์ ปี’51 และปัจจุบันคือวิกฤตไวรัสโควิด-19 เราทุกคนในองค์กรต้องมีความพร้อมและมองไกลไปข้างหน้าเหนือวิกฤตอย่างสร้างสรรค์ ORIGINAL U จะเป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่ช่วยสร้างและผลักดันให้เกิด innovator หน้าใหม่ในเอพี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเอพี ไทยแลนด์ บริษัทในเครือ รวมถึงพันธมิตรธุรกิจของเรา พร้อมที่จะส่งมอบสินค้า บริการที่ก้าวนำทุกคลื่นความเปลี่ยนแปลงได้ เราทุกคนต้องไม่หยุดพัฒนา ก้าวไปข้างหน้าด้วยเป้าหมายเดียวกัน”
“ด้วยใจที่มุ่งมั่นที่จะส่งมอบสินค้าหรือบริการที่เกื้อหนุนให้ลูกค้าสามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ดีในแบบที่ต้องการด้วยตนเอง ตามเจตจำนง EMPOWER LIVING ที่ได้กำหนดไว้”