“จ๊อบไทย” เปิด 3 เทคนิคการสัมภาษณ์งานแบบไม่ซ้ำใคร

การสัมภาษณ์งานถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่แต่ละองค์กรใช้ในการคัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และเหมาะสมเข้ามาทำงาน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยทั่วไปผู้สัมภาษณ์มักสอบถามในเรื่องของเนื้องาน หรือทักษะความรู้ในงานเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังสอบถามเรื่องของทัศนคติ บุคลิกภาพ การควบคุมอารมณ์ มนุษยสัมพันธ์ที่จะต้องทำงานร่วมกับพนักงานคนอื่น แล้วนำผลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์ทั้งสองส่วนนี้มาพิจารณาร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีหลายองค์กรเริ่มหากลยุทธ์ในการสัมภาษณ์งานที่แตกต่างออกไปจากเดิม เพื่อทดสอบความคิดและวิธีการรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าของผู้สมัครงาน ซึ่งจะช่วยให้องค์กรนั้นสามารถวิเคราะห์และเข้าใจตัวตนของผู้สมัครงานได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

“แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์” ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการเว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) ได้แนะนำเทคนิคการสัมภาษณ์แบบไม่ซ้ำใครที่จะทำให้องค์กรเข้าใจผู้สมัครงานได้มากขึ้น ดังนี้

1.สัมภาษณ์เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน

การตั้งคำถามแปลกๆ หรือคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเลย เช่น ทำไมฝาท่อระบายน้ำถึงเป็นวงกลม ถ้าเกิดมีซอมบี้บุกโลกจริงคุณจะทำอย่างไร เป็นต้น คำถามเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งวิธีการเชิงจิตวิทยาที่จะทำให้บริษัทเข้าใจ หรือรู้จักความคิดและตัวตนของผู้สมัครงานมากขึ้น นอกเหนือจากการถามคำถามธรรมดาทั่วไป

คำตอบที่ถูกต้องสำหรับคำถามนั้นอาจจะไม่มี แต่คำตอบจะสามารถเผยให้เห็นถึงความคิด หรือความรู้สึกของผู้สมัครงานมากขึ้น ทำให้องค์กรประเมินเบื้องต้นได้ว่าผู้สมัครงานมีความคิดเห็นอย่างไร และมีความเหมาะสมกับตำแหน่งที่สมัครมากน้อยเพียงใด

2.สัมภาษณ์โดยการสร้างสถานการณ์จำลอง

วิธีนี้อาจทำได้โดยการนัดผู้สมัครงานไปสัมภาษณ์ที่ร้านอาหาร หรือร้านกาแฟ และให้ทางร้านช่วยแกล้งเสิร์ฟอาหาร-เครื่องดื่มผิดให้กับผู้สมัครงาน เพื่อองค์กรจะได้สังเกตปฏิกิริยาของผู้สมัครงานว่าจะจัดการกับปัญหานั้นอย่างไร พวกเขาจะทำเป็นไม่ใส่ใจหรือหัวเสียไหม หรือพวกเขาจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วค่อยๆ หาวิธีรับมือกับปัญหา

การทดสอบแบบนี้จะทำให้องค์ได้เห็นผู้สัมภาษณ์ในมุมอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องทักษะหรือความสามารถในการทำงาน เพราะไม่ว่าผู้สมัครงานจะมีปฏิกิริยาแบบไหน องค์กรก็สามารถนำสิ่งที่พบเจอมาเป็นคะแนนเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ทั้งนั้น

3.สัมภาษณ์โดยการทำกิจกรรมร่วมกัน หรือทดลองงานจริงระยะสั้นๆ

ยกตัวอย่างการทำเวิร์กช็อป หรือการลงภาคสนามด้วยการทดลองงานกันจริงๆ ซึ่งวิธีการสัมภาษณ์เหล่านี้จะช่วยทำให้องค์กรรู้จักกับบุคลิกภาพ ทัศนคติ ตลอดจนศักยภาพของผู้สมัครงานแต่ละคนได้ดีขึ้น

เพราะบางตำแหน่งแค่การนั่งสัมภาษณ์งานอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เช่น งานขายและบริการลูกค้า อาจจะจัดเวิร์กช็อปและลองให้ผู้สมัครงานแต่ละรายได้นำเสนอสินค้าหรือบริการ รวมถึงวิธีการรับมือกับปัญหาต่างๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า เป็นต้น

“วิธีการสัมภาษณ์ในรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยให้องค์กรได้เข้าใจ ตลอดจนมองเห็นบุคลิกภาพ ทัศนคติของผู้สมัครงานมากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปประกอบการตัดสินใจว่าผู้สมัครงานคนดังกล่าวมีความเหมาะสมกับตำแหน่งที่ต้องการมากน้อยเพียงใด”


“ในทางกลับกัน ผู้สมัครงานเองก็จะได้มองเห็นและเข้าใจถึงวัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนบุคลากรภายในองค์กรที่จะได้ทำงานร่วมกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”