คอลัมน์เอชอาร์ คอร์เนอร์ ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ https://tamrongsakk.blogspot.com
วันนี้ผมมีคำถามที่น่าสนใจจากคนที่เข้าไปเป็น HR Manager คนใหม่แทนคนเดิมที่ลาออกไป ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ แล้วคิดไม่ออกว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรดี หรือยิ่งแก้ปัญหายิ่งเพิ่มปัญหามากขึ้นไปอีก
ตามมาอ่านกันได้เลยครับ ?
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
- ออมสิน เปิดให้กู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ลดดอกเบี้ย 4 กลุ่ม เช็กเลย !
เรื่องของเรื่องคือเจ้าของคำถามเพิ่งเข้าไปรับตำแหน่งเป็น HR Manager ในบริษัทแห่งหนึ่ง แทนคนเก่าที่เขาลาออกไป พอเข้าไปได้สัก 2 เดือน ก็มี Line Manager จากแต่ละฝ่ายมาเสนอว่า อยากจะให้ HR ช่วยเสนอ MD (Managing Director-กรรมการผู้จัดการ) ว่า ขอให้บริษัทนำ ค่าน้ำมัน, ค่าที่พัก, ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง, ค่าอาหาร, ค่ารถ (car allowance), ค่าโทรศัพท์มือถือ, ค่ารับรอง เข้า payroll ของพนักงานแต่ละคน แทนการจ่ายเป็นครั้ง ๆ อย่างที่เคยปฏิบัติกันมาในอดีต
เขาก็เลยถามผมว่า HR ควรจะนำเรื่องนี้เสนอ MD ตามที่ Line Manager ขอมา ดีหรือไม่ ? และมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง หากจะนำเงินสารพัดค่าทั้งหลายเข้าไปอยู่ใน payroll ทุกเดือน ?
ผมจึงย้อนถามกลับไปที่ HR Manager คนนี้ว่า…แล้วระเบียบหลักเกณฑ์ของสารพัดค่าเหล่านี้บอกไว้ว่ายังไงบ้างล่ะ ?
คำตอบที่กลับมาคือ…ยังไม่ได้อ่านระเบียบครบทุกเรื่อง
อันนี้แหละครับ คือ ประเด็นสำคัญ ที่เราจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันในวันนี้
ผมคงไม่ตอบคำถามข้างต้นหรอกนะครับ ว่าควรทำ หรือไม่ควรทำ ทำได้หรือไม่ได้ จนกว่าจะรู้ว่าระเบียบหลักเกณฑ์ของแต่ละเรื่องนั้นมีอะไรบ้าง ? มีรายละเอียดอย่างไร ? และที่ผ่านมามีการปฏิบัติกันเป็นอย่างไรบ้าง ?
ใครที่ติดตามข้อเขียนของผมเป็นประจำคงจะทราบดีว่า ผมจะเน้นมากในเรื่องของ “ข้อมูล”
การแก้ปัญหา และตัดสินใจใด ๆ สิ่งสำคัญคือข้อมูลครับ ยิ่งมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ ยิ่งมากยิ่งดี
ยิ่งข้อมูลถูกต้อง update ยิ่งดี เราไม่ควรแก้ปัญหา และตัดสินใจด้วยการใช้อารมณ์ความรู้สึก คิดไปเอง หรือมโนไปเอง
อย่างคำถามข้างต้นนี้ก็เช่นเดียวกัน ถามว่าเรามีข้อมูล และเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบหลักเกณฑ์ของการจ่ายเงินแต่ละตัวแล้วหรือยัง ? หลักเกณฑ์เหล่านั้นมีการจ่ายอย่างไรบ้าง ?
เพราะถ้าเรายังไม่รู้ว่า ระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินเหล่านี้มีรายละเอียดว่าไว้อย่างไร ? หลักเกณฑ์ในการจ่ายแต่ละประเภทเป็นอย่างไร ? แล้วที่ผ่านมามีลักษณะการเบิกจ่ายจริงอย่างไร ?
เป็นจ่ายนอก payroll หรือจ่ายใน payroll ใครเป็นผู้ตรวจสอบ ใครเป็นคนอนุมัติ ฯลฯ
เราจะไม่มีข้อมูลอะไรไปคุยกับ Line Manager เลย ยิ่งจะทำให้เรามีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จริงไหมครับ ?
ดังนั้น ข้อคิดในเรื่องนี้สำหรับทุกท่านที่ไปเริ่มงานในที่ใหม่ ควรจะต้องทำ คือ ท่านจำเป็นจะต้อง “ทำการบ้าน” คือ การศึกษาหาข้อมูลในแต่ละเรื่องให้มากที่สุด และเร็วที่สุด เพื่อที่หากมีการประชุมหรือการเสนอเรื่องต่าง ๆ เข้ามาที่ท่าน
ท่านจะได้แยกแยะได้ว่า สิ่งที่แต่ละฝ่ายเสนอมาที่ท่านนั้น เป็น “หลักเกณฑ์” ของบริษัท หรือเป็น “หลักกู” และรู้ว่า ข้อเสนอต่าง ๆ ที่เข้ามานั้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเป็นหลักกู ที่เสนอมาลอย ๆ แบบเผื่อฟลุก เพราะฝ่ายที่เสนอคิดว่า เป็นคนใหม่ คงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ ก็เสนอมาตอนที่คนใหม่กำลังงง ๆ อยู่ ในระหว่างปรับตัวนี่แหละ
เพราะถ้าเราเข้ามาแล้วทำการบ้านมาดี ศึกษาหาข้อมูลระเบียบหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจนเข้าใจ และ “แม่น”ในหลักเกณฑ์ต่าง ๆ แล้ว เราจะไม่เป๋ง่าย ๆ จริงไหมครับ
ถือหลักง่าย ๆ ว่า ถ้าเราหลักดี เราจะมั่นคง ใครจะมาผลักให้ล้ม ก็ไม่ง่ายนักหรอก
แต่ถ้าหลักเรายังไม่ดี โดนผลักเบา ๆ ก็เซตามแรงผลักแล้วล่ะ
หวังว่าข้อคิดนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านที่เข้าไปเริ่มงานที่ใหม่และนำไปใช้ได้จริงนะครับ ?