อีเลคโทรลักซ์ (Electrolux) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เปิดตัวแคมเปญ “Better Living in 2030” ชวนเยาวชน คนรุ่นใหม่ เสนอไอเดีย แนวทางการใช้ชีวิตในอนาคตอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การกินที่ดี การดูแลสภาพแวดล้อมภายในบ้าน การเลือกใช้ และดูแลรักษาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เพื่อเสียงของเยาวชนจะได้เป็นแนวคิดในการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ ของอีเลคโทรลักซ์ พร้อมทั้งลุ้นได้ทำงานกับสำนักงานใหญ่
“รัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์” ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย และอินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ต บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า อีเลคโทรลักซ์ ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ให้กับลูกค้าทั่วโลกมาอย่างยาวนานกว่า 102 ปี นับตั้งแต่ปี 2462 เป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
โดยมีต้นกำเนิดจากประเทศสวีเดน ด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาทิเช่น เครื่องซักผ้าฝาหน้า, เครื่องดูดฝุ่น, ไมโครเวฟ, เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ให้กับลูกค้าถึงกว่า 60 ล้านครัวเรือน ใน 150 ประเทศทั่วโลก
“ตลอดระยะเวลาผ่านมา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จะฟังเสียงจากผู้ใช้เป็นหลัก เพื่อหาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความสะดวกต่อการใช้งานมากที่สุด แต่ปัจจุบันผมมองว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจเนอเรชั่น Z จะมีมุมมองการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากคนเจเนอเรชั่นเก่า ที่นอกจากต้องการใช้สินค้าที่อำนวยความสะดวกแล้ว ยังให้ความสนใจเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และโลกมากยิ่งขึ้น”
“ตรงนี้จึงเป็นที่มาของแคมเปญ Better Living in 2030 ด้วยการเปิดโอกาสให้เยาวชนอายุระหว่าง 15-20 ปี ที่มีทักษะภาษาอังกฤษ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนว่าเขาอยากใช้ชีวิตแบบไหนที่มันดีต่อตนเอง และต่อโลกด้วย”
“อาจเริ่มจากการใช้ชีวิตที่บ้าน ในเรื่องอาหารการกิน จะกินอย่างไรให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และทำอย่างไรไม่ให้เกิดอาหารเหลือทิ้งจำนวนมาก จะจัดการอย่างไร หรือการดูแลเสื้อผ้า การดูแลอากาศสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน ยิ่งสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันผู้คนต้องทำงาน หรือเรียนออนไลน์ที่บ้าน การดูแลบรรยากาศในบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ทั้งนั้น เพื่อให้เยาวชนนำเสนอในรูปแบบที่เปิดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นข้อเขียน, บทความ, รูปถ่าย, คลิปวีดิโอ หรือสื่ออื่น ๆ เพื่อส่งเข้ามาผ่านทางเว็บไซต์ของอีเลคโทรลักซ์ www.betterlivingprogram.com/bl-2030”
“โดยเราจะเปิดรับแนวคิดตลอดเดือนมิถุนายน ที่สำคัญ แคมเปญนี้ไม่เฉพาะเยาวชนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดรับแนวคิดจากเยาวชนหลายประเทศ ซึ่งสำนักงานใหญ่สวีเดนจะเป็นผู้คัดเลือก และมีการวัดระดับความรู้ความสามารถ เพื่อทำการคัดเลือกจนเหลือประมาณ 9-10 คน ที่จะได้ร่วมงานกับอีเลคโทรลักซ์ประเทศต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้กระบวนการทำงานของบริษัทว่าเป็นอย่างไร พร้อมทั้งทำงานกับทีมงานไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาโปรดักต์ นักการตลาด ฯลฯ”
“จากนั้นจะร่วมกันนำแนวคิดของเยาวชนมาประมวลผล พัฒนาให้เกิดรูปร่าง กระทั่งกลายเป็นโซลูชั่น หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเยาวชนจะได้ร่วมทำงานกับบริษัทจนกว่าจะมีผลงานออกมา ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงระยะเวลาไม่เกินปี 2030”
“รัชตะ” กล่าวอีกว่า แคมเปญนี้ถือเป็นการฟังเสียงจากผู้ใช้รุ่นใหม่ เพราะเยาวชนปัจจุบันนั้นมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี รอบรู้ ทันโลก รู้จักติดตามข้อมูลข่าวสารจากสื่อโซเชียลมีเดีย และเทคโนโลยี แต่ในขณะเดียวกันก็มีความคิดอ่านที่เป็นตัวของตัวเอง และมีความมุ่งมั่น ที่ผ่านมาเราได้รับฟังเสียงสะท้อนจากกลุ่มผู้ใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มเจเนอเรชั่น Z จะเป็นกลุ่มคนที่จะต้องใช้ชีวิตจากนี้ไปอีก 10-20 ปีข้างหน้า เขาเผชิญกับเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“เราจึงอยากฟังเสียงสะท้อนว่าเขามีแนวคิดที่จะใช้ชีวิตอยู่กับการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร และจะช่วยกันแก้ปัญหาอย่างไร ผมย้ำว่าเสียงของคนรุ่นใหม่จะเป็นเสียงสะท้อนให้กลุ่มอีเลคโทรลักซ์จัดหาโซลูชั่นที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของชีวิตของคนให้ดีขึ้น”
อย่างไรก็ตาม แคมเปญดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของกลุ่มอีเลคโทรลักซ์ที่ประกาศว่าจะสร้างสรรค์ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (better living) ให้กับผู้คนทั่วโลกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) โดยอยู่ในกรอบเป้าหมาย 4 ข้อดังนี้คือ
หนึ่ง การกินที่ดี (better eating) จากข้อมูลของอีเลคโทรลักซ์ระบุว่า อาหารถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อสุขภาพ ที่สำคัญ อุตสาหกรรมอาหารใช้พลังงานถึง 1 ใน 3 ของการใช้พลังงานทั้งโลก และมีการปล่อยก๊าซสูงกว่าร้อยละ 20 ที่น่าตกใจไปกว่านั้นอาหารร้อยละ 30 ที่ซื้อ ถูกทิ้งขว้าง แม้ว่าผู้คนบนโลกถึง 1 ใน 9 จะนอนท้องหิวทุกคืน
นี่คือสาเหตุที่อีเลคโทรลักซ์อยากช่วยให้ผู้คนหันมาเลือกการกินที่ดี โดยเป้าหมายคือทำให้การกินอย่างยั่งยืนเป็นทางเลือกที่ทุกคนนึกถึง โดยมุ่งที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนกินอาหาร จัดหาอาหาร และจัดการอาหารในแบบที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งคนและโลก
ทั้งนี้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ด้วยการผลักดันนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ในการให้ความรู้ผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นไปที่การลดเศษอาหารให้น้อยลงในทุกวิถีทาง รวมทั้งการสร้างแรงบันดาลใจในการกินอาหารที่ทำจากพืชเป็นหลัก ฯลฯ
สอง การดูแลเสื้อผ้าที่ดีขึ้น (better garment care) ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ปริมาณเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้เพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่า สิ่งที่ทำให้ปัญหานี้เลวร้ายลงกว่าเดิมคือการที่เสื้อผ้าของเราร้อยละ 90 ถูกทิ้งไปก่อนเวลาอันควร ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากแฟชั่นที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อีกส่วนหนึ่งคือวิธีการดูแลหลังการซัก ด้วยนิสัยการซักที่ไม่ปรับให้ทันสมัย อายุการใช้งานของเสื้อผ้าจึงลดลง ทำให้อุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่นเป็นผู้ก่อมลพิษมากเป็นอันดับสี่ของโลก
ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนวิธีการใช้ และดูแลเสื้อผ้าให้มีการยืดอายุการใช้งานให้นานเป็นสองเท่า พร้อมกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลงครึ่งหนึ่ง พร้อมกับสิ่งแวดล้อมจากการดูแลหลังการซัก ด้วยการนำเสนอวิธีดูแลเสื้อผ้าให้ดียิ่งขึ้นจากนวัตกรรมในการปรับเทคโนโลยีการดูแลผ้าให้สามารถดูแลผ้าทุกประเภท และประหยัดพลังงาน
สาม สภาพแวดล้อมภายในบ้านที่ดีขึ้น (better home environment) อากาศไม่มีคุณภาพ กลายเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ในวงกว้าง จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติบอกว่าร้อยละ 92 ของคนที่อาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีมลพิษเกินจากที่แนะนำไว้ แม้ว่าเราจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในบ้านโดยเฉลี่ยประมาณ 16 ชั่วโมงต่อวัน แต่นั่นกลับทำให้ยิ่งแย่ลงไปอีก เพราะการระบายอากาศในบ้านไม่ดีพอ ความเข้มข้นของสารมลพิษที่เป็นอันตรายในอาคารมักสูงกว่านอกบ้านถึง 5 เท่า
ผลเช่นนี้จึงทำให้ต้องหาหนทางปรับปรุงสุขภาวะของคนในบ้านให้ดีขึ้นด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้คนมีสภาวะแวดล้อมในบ้านดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพอากาศ ดูแลพื้นที่ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยสนับสนุน ดูแลสภาพแวดล้อมภายในบ้าน เช่นเดียวกับการผลักดันการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และลดสภาวะโลกร้อน
สี่ บริษัทที่ดีขึ้น (better company) สำหรับอีเลคโทรลักซ์มุ่งมั่นที่สร้างบริษัทให้ดีขึ้น โดยด้านการผลิต เราต้องศึกษาสิ่งที่เรากำลังทำ เช่น วิธีการที่โรงงานของเราดำเนินงาน และวัสดุอะไรที่เราเลือก รวมถึงวิธีในการเพิ่มอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง และใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพสูงสุดหรือไม่
เพราะเป้าหมายคือการสร้างบรรยากาศทางธุรกิจที่มีความเป็นกลาง ที่ผ่านมาอีเลคโทรลักซ์มีความก้าวหน้าที่ดีในด้านความยั่งยืนในสายการผลิตทั่วโลก โดยลดการปล่อยคาร์บอนลง 70% ตั้งแต่ปี 2558 ทั้งยังมีการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อมุ่งเน้นทำให้โรงงานของเราปลอดของเสีย พร้อมกับพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และทรัพยากรอื่น ๆ ให้มากที่สุด
ทั้งนั้น เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตที่ยั่งยืน